กระดานสุขภาพ

มีเพศสัมพันธ์แต่ไม่ป้องกัน ไปตรวจเลือดแต่ยังไม่พบ
Anonymous

4 กรกฎาคม 2560 10:20:59 #1

คือก่อนหน้านี้ประมานเกือบ2เดือนแล้วครับผมกับกับแฟนคนนึง(เกย์ก์)ตอนคบกันอ่ะมีอะไรกันโดยไม่ได้ป้องกันครับ แต่พอคบกันได้เดือนนึงผมจับได้ว่าเขาคบกับอีกคนอยู่ด้วยซึ่งผมไม่รุว่าตอนมีไรกันเขาได้ป้องกันไหม (ไม่ได้ถาม)หลังจากรู้ว่าเขาไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวผมก็ไปตรวจเลือดมาครับ ผลยังปกติดี แต่ตอนนี้เกือบเดือนนึงแล้วหลังจากเลิกกับแฟนคนนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมีเพียงแต่อาการคันตามแขน คันบ่อยมากๆ แต่เกานิดหน่อยก็หายคันแล้ว แต่ชอบคันซ้ำๆตอนเดิมอ่ะครับ น้ำหนักก็ไม่ขึ้นด้วยครับซึ่งผมเองก็กินเยอะมากด้วยปกติถ้ากินแบบนี้น้ำหนักจะขึ้นเร็วมาก ผมเปนกังวลมากเลยครับ ผมจะติดเชื้อเอชไอวีไหมครับ ผมว่าเดือนหน่าจะไปตรวจอีกรอบอ่ะครับเพื่อความมั่นใจ
อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 73 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.18 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

4 กรกฎาคม 2560 10:30:39 #2

ขอเพิ่มเติมอีกนิดนึง ไปตรวจที่คลีนิกนิรนามครับตอนไปตรวจถ้านับจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกโดยไม่ใส่ถุงยางก็1เดือนครับแต่ถ้านับจากครั่งล่าสุดก็ประมาน1อาทิตย์ ได้ครับ ตอนไปตรวจนี่มีโอกาศมากน้อยแค่ไหนครับที่จะตรวจแล้วไม่พบ แต่เขาว ่ามีตรวจNATให้ด้วยครับ แต่ตอนนั้นหมอบอกว่าผลที่ออกนี้มั่นใจำด้ถึง90%แล้วไม่จำเปนต้องรอผลNATอีก ซึ่งผมไม่รุว่าเขาได้ตรวจให้ไหม
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

5 กรกฎาคม 2560 19:01:52 #3

มีการศึกษาโอกาสของการติดเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเอดส์ 1 ครั้ง จากมากไปน้อยดังนี้
ชายหรือหญิงเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางทวารหนัก 0.5%
หญิงเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางช่องคลอด 0.1%
ชายเป็นฝ่ายสอดใส่ทางทวารหนัก 0.065%
ชายเป็นฝ่ายสอดใส่ช่องคลอด 0.05%
ชายหรือหญิงที่เป็นฝ่ายทำออรัลเซ็กส์ 0.01% ชายหรือหญิงเป็นฝ่ายถูกทำออรัลเซ็กส์0.005% อย่างไรก็ตามโอกาสจะเพิ่มขึนถ้าเป็นกามโรคหรือมีแผลด้วย
สำหรับอาการของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ คือ เมื่อรับเชื้อหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตามตัว คล้ายออกหัด หรือส่าไข้ เป็นต้น หลังจากนั้น อาการต่างๆก็จะหายไป จนเมื่อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจนานหลายปี (3-5 ปีขึ้นไป) ก็จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อน เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ตุ่มคันตามตัว แขนขา (PPE) น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งสามารถยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่โดยการตรวจเลือด วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ ในกรณีของคุณถ้าตรวจครั้งแรกผลเป็นลบ แนะนำให้ตรวจอีกครั้งเมื่อครบ 3 เดือนหลังมีความเสี่ยงครั้งสุดท้าย ถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อครับ สามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครบ

Anonymous

11 กรกฎาคม 2560 03:34:08 #4

ขอบคุณคุณหมอมากๆเลยนะครับ ผมมีเรื่องอยากถามอีกน่ะครับ คือตอนนี้อ่ะครับรู้สึกคันยิกๆตรงบริเวณปลายอวัยวะเพศและตามท่อปัสสวะครับ บางทีก็คันมาก แต่ไม่แสบไม่ไรนะครับ คันเป็นพักๆแล้วก็หาย แบบนี้มันเป็นสัณญาณของโรคไรรึป่าวครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

11 กรกฎาคม 2560 18:14:09 #5

ถ้าเป็นอาการคันที่หนังและส่วนหัวอวัยวะเพศ อาการที่ว่าน่าจะมาจากการที่หนังหุ้มปลายแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้ เช่น สบู่ยา ครีม เจลอาบน้ำ ร่วมกับความอับชื้นเนื่องจากหนังหุ้มยังไม่เปิดหรือเปิดไม่สุดหรือรัดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัวหรือรูดลงไม่ได้สุด จึงทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ประโยชน์ของการขลิบ คือ ทำความสะอาดง่ายไม่เกิดแผลเวลามีเพศสัมพันธ์และมีการวิจัยที่ทวีปแอฟริกาพบ ว่าการขลิบหนังหุ้มปลายช่วยลดการติดเชื้อเอดส์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ขลิบ 40% แต่ ประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้ แต่ถ้าคันในท่อปัสสาวะ ก็อาจจะมีการติดเชื้อได้ เช่น ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า โดยสรุป แนะนำหาหมอครับ