กระดานสุขภาพ

ซิลิฟิส
Anonymous

21 มีนาคม 2560 05:49:49 #1

เรียนถามคุณหมอเกี่ยวกับซิลิฟิสหน่อยครับ 1. ผมไปตรวจซิฟิลิสมาผล Lab ออกมาเป็นดังนี้ครับ VDRL เป็น Non-Reactive, RPR reactive titer เป็น undilute แต่ TPHA ออกมาเป็น Active คุณหมอที่รักษาเป็นหมออายุรกรรม และก่อนหน้านี้ผมเองไม่เคยเป็นแผลริมอ่อนที่อวัยวะเพศ หรือมีอาการออกดอกเลยนะครับ คุณหมอที่ทำการรักษาวินิจฉัยว่าอาจจะเป็น ไปได้สองกรณีคือ 1. เคยรับเชื้อแต่รักษาหายแล้ว (ผมไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นโรคนี้ แต่เคยกินยา doxycycline 100 มก. กิน 2 มื้อ เป็นเวลา 15 วัน) เพื่อรักษาอาการหนองในมาก่อนนี้ 2.คือผู้ป่วยไม่รักษามานานเกินไปและเชื้อได้เข้าไปฝังตัวในน้ำไขสันหลัง ทำให้ VDRL เป็นลบตรวจไม่เจอ TPHA ก็ไม่ขึ้นไตเตอร์ ดังนั้น คุณหมอจึงให้ยามากิน คือ doxycycline 100 มก. กิน 3 เวลา ระยะเวลา 30 วัน โดยคุณหมอบอกว่าถ้ากินยาครบก็หายแน่นอนเพราะโรคนี้เชื้อไม่ดื้อยา ผมมีความกังวลและอยากปรึกษาคุณหมอครับ ว่าตัวผมเองมีโอกาสที่เชื้อจะเข้าสู่สันหลังได้ไหมครับ ถ้าหากมีโอกาสควรไปตรวจเพื่อให้ทราบถึงอาการของโรคและทำการรักษาได้ที่ไหนใน กทม. ครับ แล้วแนวทางการรักษาโดยกินยา doxycycline นี่สามารถรักษาให้หายได้แน่นอนใช่ไหมครับ หลังจากกินครบแล้ว ผมควรไปตรวจเลือดแบบวิธีการ VDRL อีกครั้งใช่ไหมครับ เพื่อเป็นการติดตามการรักษา ปล. เชื้อนี้มีการดื้อยาไหมครับ
อายุ: 32 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 172ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

25 มีนาคม 2560 12:14:14 #2

การตรวจเลือดเกี่ยวกับโรคซิฟิลิส มีการตรวจคือ การตรวจ VDRL หรือ RPR เป็นการตรวจภูมิต้านทานที่ไม่จำเพาะ ใช้สำหรับเป็นการตรวจเบื้องต้นหรือในรายที่มีอาการของซิฟิลิสชัดเจน ก็จะให้ผลบวก ส่วนในรายที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่เด่นชัด ก็ต้องตรวจยืนยันโดยวิธีการที่จำเพาะเฉพาะโรคซิฟิลิส เช่น การตรวจ TP, TPHA, FTA Abs เป็นต้น ซึ่งจะให้ผลบวกและจะบวกตลอดไปแม้ว่าจะรักษาแล้ว ในกรณีของคุณที่การตรวจไม่จำเพาะคือ VDRL หรือ RPR ให้ผลเป็นลบแต่การตรวจจำเพาะคือ TPHA ให้ผลบวก เป็นไปได้ว่าเคยรักษาแล้ว แต่ถ้าไม่มีประวัติการกัษาก็ควรจะรักษา ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย จะมีโอกาสพบบ่อยกว่าชายทั่วไป แบ่งเป็น

  1. แผลริมแข็งหรือระยะที่ 1 รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว
  2. ระยะที่ 2 มีอาการผื่นขึ้นตามตัวไม่คัน ผมร่วงเป็นต้น รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว
  3. ระยะแฝง ไม่มีอาการ รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต 3 ครั้งติดต่อกัน (อาทิตย์ละ 1 เข็ม)

การติดตามผลการรักษาโดยการตรวจ VDRL หรือ RPR มีข้อบ่งชี้ว่าต้องรักษาซ้ำ เมื่อค่า VDRL หรือ RPR เพิ่มขึ้นจากก่อนรักษาหรือในการติดตามผลในการตรวจครั้งต่อๆมามากกว่า 4 เท่า หรือเมื่อครบ 1ปี ยังมีค่ามากกว่า 1:8 ในกรณีของคุณที่ได้ยา doxyclycline ก็สามารถรักษาซิฟิลิสได้ เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องซิฟิลิสของระบบประสาทหรือในน้ำไขสันหลัง ต้องมีการตรวจน้ำไขสันหลัง ถ้ามีความผิดปกติ เช่น มีเม็ดเลือดขาวมาก หรือผลตรวจน้ำไขสันหลังให้ผลลบวกต่อซิฟิลิส ก็แสดงว่าอาจจะมีการติดเชื้อในระบบประสาท ยาที่ดัที่สุดคือ penicillin G โดยสรุป ในกรณีของคุณ น่าจะเคยเป็นหรือเคยติดเชื้อ แต่รักษาแล้ว ส่วนเรื่องระบบประสาท ต้องเจาะน้ำไขสันหลังตรวจ แนะนำหาหมอครับ

Anonymous

26 มีนาคม 2560 10:19:33 #3

ขอเรียนถามคุณหมอครับ ในกรณีของผมยังไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน 1. ถ้าผมรับประทานยาครบตามที่หมอบอกแล้ว ผมไปตรวจเลือดด้วยวิธี VDRL แล้วผลออกมาเป็น Non-Reactive จากนั้นทุก 6 เดือนก็เจาะตรวจอีก ถ้าผลออกมาเป็นแบบเดิม แสดงว่าผมหายแล้วใช่ไหมครับ 2. อาการซิฟิลิสเข้าไขสันหลังนี่มันจะไม่แสดงอาการใดๆมาก่อนเลยใช่ไหมครับ ในกรณีที่ผมรับประทานยา doxycycline วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 30 วัน นี่สามารถรักษาโรคในกรณีนี้หายได้ใช่ไหมครับ แล้วผมจำเป็นต้องไปเจาะไขสันหลังไหมครับ