ส่งรูปให้ทางเมลแล้วครับ ขอบคุณครับ

รูปครับ

http://pakoy100.com/uppic/viewer.php?id=20170227arxu115x87x238x180, 115x87x238x180.jpg

http://pakoy100.com/uppic/viewer.php?id=20170227rghm115x87x238x180, 115x87x238x180.jpg

http://upic.me/i/vb/20170226_213136.jpg

เนื่องจากรูปที่ส่งมาไม่ค่อยชัด ไม่สามารถเห็นรายละเอียดของแผล เห็นเป็นแค่รอยแดงๆที่อวัยวะเพศและที่ขาหนีบ จากประวัติที่เล่ามาคือ เคยเป็นเชื้อรา เป็นๆหายๆและเป็นโรคสะเก็ดเงิน อากรที่เล่ามาอาจจะเกี่ยวข้องกับโรคที่เคยเป็นอยู่เดิม รวมทั้งมีประวัติเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ จึงอาจจะมีโอกาสที่จะเป็นเริมด้วย เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล และจากประวัติว่ามีการใช้ยาเองทั้งยาเชื้อราชนิดทาและกินรวมทั้งยารักษาเริมด้วย ซึ่งจะมีผลทำให้การวินิจฉัยโรคทำใด้ยากขึ้น เนื่องจากอาจจะมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เป็นแผลที่อวัยวะเพศได้ เช่น Bechet's Disease เป็นโรคที่มีอาการแสดงหลายอย่าง เช่น แผลในปากคล้ายแผลร้อนใน เป็นๆหายๆ เป็นตุ่มตามผิวหนัง อาจะมีลักษณะคล้ายสิวหรืออาจจะเป็นก้อนใต้ผิวหนัง มักพบที่ขา เป็นแผลที่อวัยวะเพศ เช่นที่บริเวณหนังลูกอัณฑะ หรือที่แคมในผู้หญิง เป็นๆหายๆและอาจจะทำให้เป็นแผลเป็นได้ โดยสรุป แนะนำหาหมอและเนื่องจากคุณมีสิทธิประกันสังคม ก็สามารถที่จะรักษาได้ตามสิทธิโดยไม่ต้องเสียค่ายา ค่าตรวจทางห้องแล็บ ค่ายา