กระดานสุขภาพ

เป็นอย่างนี้คือเนื้องอกหรือเปล่าครับ? (รอบรูทวาร)
Anonymous

19 กุมภาพันธ์ 2560 10:39:56 #1

สวัสดีครับหมอ โพสแรกผมครับ อายไม่กล้าไปหาหมอน่ะครับเลยขออนุญาติทางนี้นะครับ เบื้องต้นเพื่อเอาข้อมูลเผื่อต้องไปปรึกษาแพทย์ครับ

ต้องขออนุญาตบอกก่อนว่ารูปภาพอาจจะ contain graphic information ครับ เป็นลักษณะติ่งเนื้อที่รูทวาร

1.อาการเริ่มตั้งแต่ประมาณ 2 เดือนกว่าก่อน อยู่ๆก็ถ่ายติดเลือดและมีเลือดออกบ้าง อยู่ๆก็เป็นเองครับ เป็นอยู่ประมาณเกือบๆอาทิตย์ จากนั้นก็มีติ่งเดียว แล้วก็เพิ่มมาเรื่อยๆอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ปัจจุบันไม่มีเพิ่มแล้วครับ อยู่อย่างนี้มาประมาณ เดือนกว่าๆละครับ

2.ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ใดๆทั้งสิ้นทางทวารหนักเป็นเวลาปีกว่าแล้วครับ รวมไปถึงไม่มีการใช้อะไรก็แล้วแต่มาสอดใส่ครับ (ครั้งสุดท้ายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารใช้ถุงยางอนามัยครับ) กระทำเพศสัมพันธ์ปกติ(รุก)ก็ปีกว่าเช่นกัน ใช้ถุงยางเหมือนกัน ไม่มีอะไรผิดปรกติที่อวัยวะเพศครับ ไม่เคยทำ oral sex ครับ

3.ลักษณะส่วนตัวชอบนั่งห้องน้ำนาน ถึงนานมาก (มากสุดคือเกือบชั่วโมง)

4.เมื่อหลังจากเป็นก็ถ่ายเจ็บนะครับ มาเจ็บแสบตอนที่ใช้สายชำระฉีดล้าง (ส่วนมากจะอุจจาระแข็งเวลาเป็นแบบนี้) คันบ้างพอสมควรครับ แต่ไม่ตลอดและไม่ทุกวันครับ

5.เวลาถ่ายหนักตามห้องน้ำที่ไม่มีสายชำระ (ใช้กระดาษ) จะซับแรงจนจะมีเลือดออกมาเสมอ แล้วก็จะเจ็บจิ้ดๆไป วันสองวันครับ

6.นอนไม่เป็นเวลา นอนน้อย(มาก) ถ่ายไม่เป็นเวลา และท้องผูกเป็นระยะๆครับ ไม่ตลอด บทจะท้องเสียก็เสียเลย งงมาก

7.ปัจจุบันทายายี่ห้อ Proctosedyl Ointment และใช้ยาเหน็บจากยี่ห้อเดียวกัน เป็นยาริดสีดวงทวารครับ มาเป็นเวลาประมาณ 10 วันแล้วครับ สังเกตุได้ว่าหลังจากใช้ อุจจาระไม่ค่อยแข็ง ถ่ายทุกวัน ไม่เจ็บเวลาถ่าย(แต่เจ็บเป็นบางครั้งเวลาซับน้ำด้วยทิชชู่) ทาแล้วก็ยังมีคันอยู่ยิบๆนะครับ แต่ไม่ตลอด

8.ตั้งแต่ใช้ยาก็ถ่ายเหลวเป็นน้ำอยู่บ้างนะครับ บางวันถ่ายหลายรอบ 3-4 รอบ นิดๆหน่อยๆ ไม่ค่อยมีกากครับ เหมือนจะเป็นไขของยาเหน็บมากกว่า สังเกตุเป็นเหมือนไขมันลอยๆ

9.ชอบปล่อยให้หิว ทานข้าวไม่ตรงเวลา ไม่ครบมื้อ เมื่อทานข้าวอาหารก็ปกติมีผักอยู่ เนื้อสัตว์ทานในปริมาณปกติ ดื่มน้ำก็ไม่น้อยนะครับประมาณ 3ขวด 1.5 ลิตรต่อวัน บางวันก็มากกว่านิดหน่อย แต่ถ้าวันไหนน้อย ก็ประมาณ 2 ขวดครับ ผลไม้ก็ทานนะครับ

 

ข้างล่างจะเป็นรูปครับผม ต้องขอรบกวนคุณหมอด้วยครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/52d4c-35151-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/52d4c-35151-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/52d4c-35151-3.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/52d4c-35151-4.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/52d4c-35151-5.jpg

อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 95 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 31.02 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

19 กุมภาพันธ์ 2560 10:41:31 #2

https://postimg.org/image/nnenv0w87/

Anonymous

19 กุมภาพันธ์ 2560 10:42:33 #3

รูปครับผม ต้องขออภัยด้วยครับ โพสเป็นรูปเลยไม่เป็น

https://postimg.org/image/nnenv0w87/
https://postimg.org/image/fj6jqa9t3/
https://postimg.org/image/dfw4ima07/
https://postimg.org/image/4z17lfup3/
https://postimg.org/image/8jx34nz8n/

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

22 กุมภาพันธ์ 2560 08:48:45 #4

การที่เคยมีประวัติว่ามีการสอดใส่ทางทวารหนัก ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อสูง จากประวัติและจากรูปที่ส่งมา พอจะอธิบายได้ดังนี้ 1. มีส่วนที่เป็นริดสีดวงด้วย 2. มีส่วนที่เป็นแผลซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบจากการที่มีริดสีดวง อุจจาระแข็งหรืออาจเป็นโรคติดต่อ เช่น เริม หรือแผลซิฟิลิส 3. ติ่งเนื้อเล็กๆหลายแห่งรอบๆทวารหนัก น่าจะเป็นหูดหงอนไก่ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) รักษาโดยใช้ยา podophyllin จี้ โดยแพทย์หรือพยาบาล อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 4 อาทิตย์ก็จะหลุด หรืออาจใช้เลเซอร์หรือจี้ด้วยไฟฟ้า แนะนำหาหมอกามโรคหรือ ระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ และควรจะตรวจเลือดเอดส์ ซิฟิลิส โดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง หรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะจากการศึกษาพบว่าชายรักร่วมเพศมีโอกาสที่จะติดเชื้อเอดส์และซิฟิลิสสูงกว่าชายทั่วๆไปหลายเท่า

ส่วนสาเหตุของริดสีดวงทวาร มีหลายอย่าง เช่น ลักษณะนิสัยการถ่ายผิดปกติ (ท้องผูก หรือ ท้องเสีย) ออกกำลังกายน้อย รับประทานอาหารที่มีเส้นใยเช่นผักผลไม้น้อย เบ่งอุจจาระนาน อ้วน และนั่งเป็นเวลานานๆ
ถ้าเป็นมากขึ้น เส้นเลือดจะโป่งออก และโผล่ออกมาอยู่ด้านนอกได้ ถ้ามีการรักษาที่ถุกต้อง ตั้งแต่เรื่องสุขอนามัย การกินอาหารประเภทผัก ผลไม้ ดื่มน้ำมากๆ ปรับเรื่องการขับถ่ายซึ่งการฝึกต้องทำบ่อยๆจนเกิดความเคยชิน หรืออาจรักษาด้วยการฉีดยาให้ยุบ การผูกเส้นเลือด การจี้ด้วยเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ถ้ารักษาแล้วก็จะไม่เห็นจากภายนอก

โดยสรุป เป็นทั้งริดสีดวงและหูดหงอนไก่ แนะนำหาหมอและควรตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิสด้วย

Anonymous

23 กุมภาพันธ์ 2560 06:25:47 #5

เรียน นพ.อนุพงศ์

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

อย่างไรก็ตาม ผมขออนุญาตถามเพิ่มเติมนิดหนึ่งครับว่า มีความเป็นไปได้ที่อาการสะสมจนเกิดขึ้นในภายหลัง (ระยะเกิน1ปี) ถูกต้องมั้ยครับ?

 

ผมจะไปหาหมอครับ มีที่ที่ทางคุณหมอแนะนำมั้ยครับ?

 

ขอบคุณครับ