จากอาการที่เล่ามา สาเหตุุน่าจะมาจาก 1. การแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้หรือมาสัมผัสบริเวณนี้ ทำให้เกิดอาการคัน เมื่อเกาหรือถูแรงๆ ก็จะทำให้มีอาการบวมแดง และเมื่อเกามากขึ้น ก็จะยิ่งบวมและหนังจะหนาขึ้นด้วย คงต้องงดใช้สิ่งที่สงสัยว่าจะแพ้ กินยาแก้แพ้ ทายาแก้แพ้ น่าจะดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์ เมื่อดีขึ้นล้วต้องระวังอย่าให้สัมผัสของที่แพ้อีก เพราะจะเป็นมากขึ้น 2. อีกโรคที่ต้องระวัง คือเชื้อรา ซึ่งมักจะพบในคนที่มีเหงื่อออกมา เช่น นักกีฬา หรือทำงานนอกบ้าน กรรมกร หรือใช้แรงงาน ทำให้มีเหงื่อออกมาก ชุดที่ใส่อับชื้น ในกรณีนี้ ต้องใช้ยาเชื้อรา เช่น clotromazole ทาหรือกินด้วยและเมื่อหายแล้วต้องระวังเรื่องสุขอนามัย ไม่ใส่ชุดที่อับชื้น เพราะจะเป็นอีกได้ง่าย โดยสรุป น่าจะแพ้และอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำหาหมอผิวหนัง อาจจะต้องขูดผิวหนังไปตรวจดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ 3. แพ้ยา ลองนึกดูว่าก่อนเป็นแผล คุณได้กินยาอะไรบ้าง ยาที่พบว่าแพ้บ่อย ได้แก่ ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ หรือยาชุดที่ซื้อตามร้านขายยา ซึ่งการแพ้ยาจะเริ่มต้นด้วยมีอาการคัน ตามดวยมีตุ่มน้ำพองคล้ายโดนน้ำร้อนลวก ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มพองแตกกลายเป็นแผล รักษาโดยต้องหยุดกินยาที่สงสัยว่าจะแพ้ทันที กินยาแก้แพ้ ใช้น้ำเกลือล้างแผลที่ซื้อตามร้านขายยาล้างแผลเช้าเย็น ทายาแก้แพ้ อาการน่าจะดีขึ้นใน 7-14 วัน และเมื่อหายแล้วต้องระวังอย่าไปกินยาที่สงสัยว่าจะแพ้อีก เพราะอาการแพ้จะเป็นอีกและอาจจะเป็นมากขึ้น 4. โรคผิวหนังอื่นๆ ในกรณีของคุณได้หาหมอมาแล้ว ยาที่คุณได้รับ เป็นยาแก้แพ้ ซึ่งถ้าสาเหตุเกิดจากการแพ้ น่าจะค่อยๆดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์ ถ้าไม่ดีขึ้นหรือไม่แน่ใจ สามารถกลับไปหาแพทย์คนเดิมหรือหาหมอผิวหนังหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นมาให้ดูเพิ่มเติมครับ