กระดานสุขภาพ
คันบริเวณขาหนีบ อาการไม่หนัก แต่เรื้อรัง | |
---|---|
27 พฤศจิกายน 2559 03:59:47 #1 สวัสดีครับคุณหมอ อาการ --- ผมมีอาการคันบริเวณขาหนีบไปจนถึงผิวหนังของลูกอัณฑะ ซึ่งในระยะเวลา 1-2 ปี เป็นๆหายๆมาตลอด ซื้อยาทาจากร้านขายยา ทุกๆครั้งก็ทาในระยะเวลา 1-3 สัปดาห์ติดต่อกันจนคิดว่าหายแน่นอนแล้วจึงหยุด แต่หลังจากหยุดแล้วสัก 2-3 สัปดาห์ก็จะกลับมาเป็นใหม่ มักจะเป็นโดยสลับข้างกัน(เช่นถ้าเพิ่งหายจากด้านซ้าย รอบนี้ก็จะเป็นด้านขวา) อาการไม่รุนแรงครับ ทนได้ ไม่เกา ใช้มือลูบๆเอาบ้างให้พอบรรเทา ปัจจัยต่างๆ --- 1. เรื่องการใส่กางเกงซ้ำ .. ก่อนหน้านี้ผมใส่กางเกงแสลคไปทำงาน ตัวนึงจะใส่ซ้ำประมาณ 1-2 วันแล้วจึงเปลี่ยนตัวใหม่ แต่ก็ได้แก้ไขไปแล้ว โดยเปลี่ยนเป็นใส่ตัวละแค่ 1 วัน รวมไปถึงกางเกงที่ใส่อยู่กับบ้านจากที่เคยใช้ซ้ำตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นตัวละ 1 วันแล้ว ตอนนี้เรื่องความสะอาดมั่นใจได้เลยครับ 2. อาหารการกิน ... ??? ไม่แน่ใจว่ามีปัจจัยอะไรเกี่ยวมั้ยครับ ??? 3. เรื่องเพศสัมพันธ์ ... อันนี้ตัดไปได้เลยครับ เพราะไม่ได้มีมานานมาก 4. ไม่แน่ใจว่า การที่ผมแก้ผ้านอนส่งผลอะไรมั้ยครับ ??? 5. ไม่แน่ใจว่า หลังจากหายแล้วผมต้องโละกางเกงในทิ้งแล้วซื้อใหม่ให้หมดรึเปล่าครับ เพราะจากช่วง 1-2 ปีที่ว่ามา ยังใช้กางเกงในชุดเดิมอยู่
ขอบคุณคุณหมอที่เข้ามาอ่านและช่วยตอบนะครับ อยากหาวิธีการรักษาให้หายขาด เพราะไม่อยากใช้ยาทาต่อเนื่องไปนานๆเกรงจะมีผลในระยะยาว |
|
อายุ: 33 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.51 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Anonymous |
27 พฤศจิกายน 2559 04:08:34 #2 ลืมให้ข้อมูลอีกข้อครับ คุณหมอ
ลักษณะของผิวหนังบริเวณที่มีอาการคัน เป็นปกติดี เมื่อเทียบจากรูปต่างๆที่ผมลองค้นดูใน google ทั้งที่เป็นผื่นแดง หรือมีตุ่มใส ของผมถือว่าเหมือนปกติเลยครับ ดูด้วยตามองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ (ยกเว้นตอนที่เกาแรงๆมากๆถึงจะมีรอยแดงขึ้นมา)
ขอบคุณครับ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
1 ธันวาคม 2559 04:21:57 #3 อาการคันที่ขาหนีบและลูกอัณฑะ เป็นๆหายๆมาเป็นปี สาเหตุุน่าจะมาจาก 1. การแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้หรือมาสัมผัสบริเวณนี้ ทำให้เกิดอาการคัน เมื่อเกาหรือถูแรงๆ ก็จะทำให้มีอาการบวมแดง และเมื่อเกามากขึ้น ก็จะยิ่งบวมและหนังจะหนาขึ้นด้วย คงต้องงดใช้สิ่งที่สงสัยว่าจะแพ้ รวมทั้งงดใส่ชุดที่รัดมากๆหรืออับมากๆ กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 ทิลลิกรัม เช้า เย็น ทายาแก้แพ้ เช่น betamethasone น่าจะดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์ เมื่อดีขึ้นล้วต้องระวังอย่าให้สัมผัสของที่แพ้อีก เพราะจะเป็นมากขึ้น 2. อีกโรคที่ต้องระวัง คือเชื้อราหรือที่เรียกว่าสังคังหรือขี้กลาก ซึ่งมักจะพบในคนที่มีเหงื่อออกมา เช่น นักกีฬา หรือทำงานนอกบ้าน กรรมกร หรือใช้แรงงาน ทำให้มีเหงื่อออกมาก ชุดที่ใส่อับชื้น ในกรณีนี้ ต้องใช้ยาเชื้อรา เช่น clotromazole ทาหรือกินด้วยและเมื่อหายแล้วต้องระวังเรื่องสุขอนามัย ไม่ใส่ชุดที่อับชื้น เพราะจะเป็นอีกได้ง่าย สำหรับเรื่องอาหารไม่น่าจะเกี่ยวกับการที่เป็นสาเหตุ และเรื่องกางเกงหรือชุดชั้นใน ถ้ามีการซักด้วยผงซักฟอก และะตากแดดจนแห้งสนิท ก็สามรถนำมาใช้ใหม่ได้ โดยสรุป น่าจะแพ้และอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำหาหมอผิวหนัง อาจจะต้องขูดผิวหนังไปตรวจดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ |
Anonymous