กระดานสุขภาพ

อาการปัสสาวะอักเสบ
Nkut*****i

28 มีนาคม 2559 11:52:07 #1

เริ่มเลยนะครับตอนแรกผมมีอาการปัสสาวะไม่ค่อยออกสีขุ่นเจ็บและมีหนองตอนแรกผมคิดว่าเป็นหนองในเพราะผมมีเพศสัมพันและไม่ได้ป้องกันก็เลยรีบไปหาหมอตรวจเลือดและรักษาอาการนี้แต่หมอบอกเลือดผมปกติและไม่ได้เป็นหนองในเป็นปัสสาวะอักเสบแต่พอกินยาหมอแล้วกลับมามีอาการเหนื่อยปวดเมื่อยตามตัวตัวมีไข้อุ้นๆท้องเสียตัวอุ่นๆอยากทราบว่าผมอาจจะเป็นHIVไหมครับ

อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 64 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Nkut*****i

28 มีนาคม 2559 11:59:31 #2

หรือผมเครียดเกินไปครับเลยมีอาการตามมา

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

4 เมษายน 2559 14:19:38 #3

อาการมีหนอง ปัสสาวะแสบ ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ในกรณีของคุณคือมีคู่นอนหลายคนโดยไม่ใช้ถุงยาง น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนอีกสาเหตุที่พบได้คือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีของคุณ ถ้ามีการตรวจเชื้อไม่พบหนองใน ก็อาจจะเป็นหนองเทียมหรืออักเสบจากเชื้ออื่น ส่วนเรื่องการติดเชื้อเอดส์ ขออธิบายดังนี้ 1. การติดเชื้อระยะเฉียบพลัน เกิดขึ้นใน 2-4 อาทิตย์หลังจากที่มีพฤติกรรมเสี่ยง โดยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ คลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นขึ้นตามตัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น ซึ่งอาการจะค่อยดีขึ้นใน 1-4 อาทิตย์ เนื่องจากอาการเหล่านี้ไม่ค่อยเฉพาะเจาะจงทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว อาจนึกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2. ระยะที่ไม่มีอาการจะเป็นระยะต่อจากระยะเฉียบพลัน ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร ระยะนี้จะอยู่ระหว่าง 3-5 ปี แต่ในบางรายอาจนานเป็น 10 ปีขึ้นไปขึ้นอยู่กับการดูแลสภาพของร่างกายและปริมาณเชื้อไวรัสในเลือด 3. ระยะที่เป็นเอดส์ ผู้ป่วยเริ่มจะมีภูมต้านทานลดลง น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง มีผื่นคันตามตัว เป็นเชื้อราที่ลิ้น ต่อมาเริ่มมีโรคแทรก เช่น งูสวัด วัณโรคปอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น ในกรณีของคุณที่ตรวจแล้วไม่พบ แนะนำว่าควรจะตรวจซ้ำเมื่อหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อครับ ให้ตรวจโดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง ประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ