กระดานสุขภาพ
ผู้ป่วยโรคเริมกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น | |
---|---|
18 กันยายน 2558 13:00:44 #1 อยากทราบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคเริม(เริมที่อวัยวะเพศ) จะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆแบบปกติได้หรือไม่ครับ แล้วต้องระมัดระวังเรื่องการติดเชื้ออย่างไรบ้างครับ |
|
อายุ: 28 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.81 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Them*****n |
18 กันยายน 2558 13:02:31 #2 อีกหนึ่งคำถามครับ โรคเริมสามารถเกิดขึ้นเองเหมือนไข้หวัดไหมครับ หรือติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างเดียวครับ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
20 กันยายน 2558 12:02:40 #3 เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล การป้องกันที่ได้ผลดีที่สุด คือการใช้ถุงยางอนามัย |
Them*****n |
21 กันยายน 2558 23:14:17 #4
ขอบคุณคุณหมอมากๆครับ
|
Them*****n