กระดานสุขภาพ

ก้อนเนื้อใต้รักแร้ของลูกชาย
Isur*****n

31 มกราคม 2557 07:25:36 #1

ตอนนี้ลูกชาย มีอายุครบ 2 เดือนแล้วนะครับ ตอนคลอด หมอให้ดูว่า น้องมีก้อนเนื้อ คล้าย ๆ ป่าน มีสีคล้ำ ตรงใต้รักแร้ แต่ก็ตรวจดูเบื้องต้นแล้วว่า ไม่เป็นอะไร และก็ไม่รู้สึก เพราะลองคลำ ลูกนอนกลิ้งไป กลิ้งมา ก็ไม่ร้อง ไม่รู้สึกเจ็บครับ พอโตขึ้น 1-2 เดือน รู้สึกว่าจะโตตามตัวเด็กครับ สีผิวน้องเริ่มเปลี่ยน แต่ไม่เหมือนป่าน เป็นเหมือนก้อนเนื้อ เพราะสีผิวกลืนเข้ากับสีของตัวน้องเลยครับ

ช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าจะรักษา และต้องไปพบหมอทางไหนดีครับ ตอนนี้เครียดมากเลยครับ กลัวลูกชายจะเป็นอะไรมากกว่านี้

http://haamor.com/media/images/webboardpics/isurapon-9861-1.jpg

อายุ: 0 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 5 กก. ดัชนีมวลกาย : 0.00 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Isur*****n

31 มกราคม 2557 16:00:09 #2

Isur*****n

3 กุมภาพันธ์ 2557 09:27:11 #3

เงียบจัง ไม่มีคนตอบเลยเหรอครับ ช่วยทีครับ ตอนนี้พ่อกับแม่เครียดมากครับ

Haamor Admin

(Admin)

3 กุมภาพันธ์ 2557 15:51:58 #4

เรียน คุณ isurapon

เนื่องจากตอบคำถามของทีมคุณหมอขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บางครั้งคุณหมอบางท่านอาจติดภารกิจในบางครั้งไม่สามารถตอบในทันทีได้ บางคำถามอาจต้องรอหลายวันหน่อย ดังนั้นหากรอได้ทุกคำถามมีคำตอบให้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณคะ

Isur*****n

4 กุมภาพันธ์ 2557 03:01:12 #5

ขอบคุณครับ คุณ Sirikul

พญ. พัชรีภรณ์ ตันมิ่ง

กุมารศัลยแพทย์

5 กุมภาพันธ์ 2557 07:59:31 #6

ลักษณะของก้อนเป็นความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเป็นได้หลายสาเหตุค่ะ

  1. ความผิดปกติของหลอดเลือดแดง เกิดการเจริญเติบโตมากกว่าปกติ (Hemangioma)
  2. ความผิดปกติของหลอดเลือดดำ ที่เจริญเติบโตมากกว่าปกติ (Venous Malformation)
  3. ความผิดปกติร่วมกันระหว่างหลอดเลือดและทางเดินน้ำเหลือง (Veno-lymphatic malformation or Mixed)
  4. การอุดตันของทางเดินน้ำเหลือง (Lymphatic Malformation)
  5. ก้อนไขมัน หรือก้อนเนื้องอกอื่น

ซึ่งสามารถวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้นได้จากการทำอัลตร้าซาวนด์ (Doppler Ultrasound)

เนื่องจากไม่ได้ตรวจร่างกายลักษณะของก้อน ความนุ่มความแข็งของก้อนเอง แต่เท่าที่ดูจากภาพคิดว่ามีโอกาสเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งน้อยมากค่ะ แต่เป็นโรคที่ควรต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่สามารถหายเองได้ ยกเว้นเป็นก้อนของหลอดเลือดแดงโต (Hemangioma) ซึ่งอาจจะหายเองได้ภายใน 2-5 ปี

โดยการรักษาขึ้นกับสาเหตุและชนิดของก้อนว่าเป็นถุงน้ำหรือไม่ และเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่หรือเล็ก ซึ่งจะวางแผนรักษาได้ดียิ่งขึ้นเมื่อทราบผลอัลตร้าซาวน์แล้วค่ะ

ไม่มีข้อห้ามใดๆ ไม่มีการจำกัดอาหาร สามารถรับประทานได้ตามปกติ

ตามที่ปรึกษามา คิดว่าแพทย์ท่านที่ดูตอนแรกเกิด น่าจะคาดว่าเป็นก้อนของหลอดเลือดแดงโต (Hemangioma) ซึ่งอาจหายเองได้ จึงแนะนำให้ดูอาการก่อนหากไม่หายเองจึงจะส่งตรวจเพิ่มเติม ในข้อมูลที่ให้มาไม่ทราบว่าได้ตรวจเพิ่มเติมอะไรไปแล้วบ้าง แต่หากยังไม่เคยตรวจอัลตร้าซาวน์ที่ก้อนแนะนำว่าควรตรวจเพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำมากขึ้นค่ะ

จึงขอแนะนำว่า น่าจะตรวจเพิ่มเติมเบื้องต้นด้วยการทำอัลตร้าซาวน์ (Doppler ultrasound) โดยสามารถปรึกษากุมารแพทย์หรือกุมารศัลยแพทย์ที่ รพ.ใกล้บ้าน เนื่องจากอาจเป็นก้อนที่หายเองได้ คือ ก้อนของหลอดเลือดแดงโต (Hemangioma) หรือเป็นก้อนที่ไม่หายเองตามข้อ 1,3,4 ซึ่งต้องวางแผนการรักษาเพิ่มเติมกับทีมแพทย์ และถ้าเป็นก้อนเนื้องอก จะได้วางแผนรักษาโดยไม่ล่าช้าค่ะ

Isur*****n

5 กุมภาพันธ์ 2557 08:14:40 #7

ขอบคุณมากครับ ผมขอเบอร์โทรศัพท์คุณหมอหน่อยครับ ผมจะโทรเล่าตอนตรวจรักษาเบื้องต้นครับ ตอนนี้ลูกชายอยู่ ตจว. ครับ ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลมีการตรวจอัลตร้าซาวด์หรือเปล่า และถ้ามาตรวจที่ กทม. ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ครับ...

Haamor Admin

(Admin)

6 กุมภาพันธ์ 2557 06:00:08 #8

เรียน คุณ isurapon

ทีมงานขออนุญาตแจ้งเพิ่มเติมว่า ทีมงานคุณหมอทุกท่านจะให้คำปรึกษาเฉพาะในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์หาหมอ.com เท่านั้นนะคะ ดังนั้นหากคุณ isurapon ต้องการปรึกษาคุณหมอยังสามารถตั้งคำถามสอบถามได้ในกระทู้นะคะ ส่วนค่ารักษาพยาบาลแนะนำคุณ isurapon พบแพทย์โรงพยาบาลที่คุณสะดวก และเมื่อแพทย์แนะนำการรักษา สามารถปรึกษาหรือสอบถามถึงค่าใช้จ่ายจากแพทย์โดยตรงคะ

ขอบคุณคะ

Isur*****n

7 กุมภาพันธ์ 2557 03:41:19 #9

ขอบคุณครับ

Isur*****n

14 มีนาคม 2557 10:28:20 #10

ล่าสุด ได้พาลูกชายสอบถาม โรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอบอกว่าน่าจะเป็น Cystic Hygroma ไม่ทราบว่าจะมีทางรักษาให้หายขาดไหมครับ

พญ. พัชรีภรณ์ ตันมิ่ง

กุมารศัลยแพทย์

19 มีนาคม 2557 15:47:28 #11

cystic hygroma สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉีดยาให้ก้อนเล็กลงจนเกือบจะหายไปได้ แต่ในบางรายอาจจะไม่หายขาด ถ้ามีก้อนขึ้นมาใหม่ก็สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉีดยาได้อีกครั้ง

หลักการรักษาคือการเอาก้อนออกให้หมด ซึ่งในความเป็นจริงทำให้ได้ยาก เพราะมักจะมีก้อนขนาดเล็กๆ อยู่มาก ทำให้ไม่สามารถตัดออกหมดในครั้งเดียว

แต่โดยทั่วไปแล้ว จากตำแหน่งก้อนที่เป็นของคนไข้ น่าจะสามารถผ่าตัดหรือฉีดยาได้ ผลการรักษาในกลุ่มนี้ค่อนข้างดีมากค่ะ

ส่วนจะเลือกวิธีรักษาแบบใด มีข้อดีข้อเสียต่างกัน คงต้องตัดสินใจเลือกร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและทีมแพทย์ค่ะ การรักษามี

  1. ฉีดยา ซึ่งข้อดีคือความสวยงามมีมากกว่าเพราะไม่มีแผลผ่าตัด ส่วนข้อเสียคือ โอกาสเป็นซ้ำง่ายกว่าการผ่าตัด ต้องทำหลายครั้งซึ่งทุกครั้งต้องดมยาสลบ
  2. ผ่าตัด ข้อดีคือมีโอกาสตัดออกได้หมด จำนวนครั้งที่ต้องดมยาสลบน้อยกว่าแบบฉีด ข้อเสียคือ มีแผลผ่าตัดซึ่งเกิดแผลเป็นตามมา ขนาดแผลใหญ่มากกว่าก้อนเล็กน้อย
  3. ฉีดยา และถ้าก้อนยังเหลืออยู่ พิจารณาผ่าตัด จะทำให้แผลผ่าตัดเล็กกว่าวิธีที่ 2 แต่ข้อเสียคือ เทคนิคการผ่าตัดจะยากขึ้น

อย่างไรก็ตามการรักษายังขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์ที่ดูแล เนื่องจากยังไม่มีวิธีใดที่มีข้อมูลชัดเจนว่าดีที่สุด จึงเป็นการวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและแพทย์ค่ะ ....ซึ่งผลการรักษาโรคนี้ในตำแหน่งใต้รักแร้ค่อนข้างดีกว่าตำแหน่งอื่นค่ะ ทั้งเรื่องโอกาสการเป็นซ้ำ และความสวยงาม

Isur*****n

16 เมษายน 2557 04:45:52 #12

ขอบคุณคุณหมอ พัชรีภรณ์ มากครับ ล่าสุด พาลูกชายไปตรวจอีกครั้ง ตอนนี้ลูกชายได้ 4 เดือนกว่าแล้วครับ และนัดหมอที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด หมอบอกว่า ทำไมมาตรวจช้าจัง บางรายผ่าตัดตั้งอายุ 1 เดือน แล้วหมอก็ตรวจลูกชาย และถามว่าพร้อมผ่าตัดเลยไหม แต่ต้องให้เด็กดมยา อดข้าว อดน้ำ ประมาณ 8 ชม. ถึงจะผ่าตัดให้ และค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 - 30,000 บาท นอนโรงพยาบาล 5 วัน

 

แต่ผมยังไม่อยากผ่าตัด สงสารลูกชาย เด็กแค่ 4 เดือนจะให้อดข้าว อดน้ำ ลูกชายตอนนี้ดื่มนม แค่ไม่กี่นาทีก็แทบจะอดไม่ไหวแล้วครับ แต่หมอก็คะยั้นคะยอให้ผ่าตัดให้เร็ว ผมเลยปรึกษากับครอบครัวว่าจะพามารักษาที่กรุงเทพฯ ช่วยแนะนำโรงพยาบาลหน่อยครับ ตอนนี้เป็นห่วง และไม่มีกะจิตกะใจทำงานเลยครับ ยิ่งได้ยินหมอบอกว่า ยิ่งไว้นาน ยิ่งรักษายากครับ

 

ขอบคุณครับ

Chan*****t

28 มกราคม 2558 04:36:48 #13

คุณ isurapon ไม่ทราบว่าตอนนี้ลูกชายได้ทำการผ่าตัดรักษาหรือยังค่ะ ถ้าผ่าตัดแล้วอาการหลังการผ่าตัดเป็นอย่างไรบ้างค่ะ/ พอดีลูกชาย ตอนนี้อายุ 7 เดือน หมอบอกเป็น Cystic Hygroma ที่ข้างแก้มด้านซ้าย และนัดผ่าตัดวันที่ 12 กุมภา 58 นี้ คือว่าดิฉันมีความกังวลในระยะหลังผง่าตัดแล้วกลัวว่าเขาจะเจ็บและจับที่แผลอาจทำให้ติดเชื้ออย่างอื่นได้ และนานกี่วันกว่าแผลจะหายดี

Isur*****n

13 สิงหาคม 2558 07:22:46 #14

สวัสดีครับคุณ chanyanat ตอนนี้ลูกชายหายแล้วนะครับ ตอนแรกก็กลัวลูกจะเป็นอะไรเหมือนกัน กะว่าจะรอให้ลูกโตกว่านี้ค่อยไปผ่า หรือไปรักษาอีกครั้ง

ปรากฏว่าไปหาหมออีกทีที่โรงพยาบาลราชวิถี หมอบอกว่าไม่มีอะไร และอาการตรงนั้นก็ค่อย ๆ แฟบลงไปเอง ตอนนี้ลูกชายเป็นปกติแล้วครับ ตอนนี้ลูกชาย 1 ปี 8 เดือน ก็ยังเป็นห่วงอยู่ตลอด สังเกตดูก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ คิดว่าจะพามาหาหมออีกครั้งซักระยะนึง 

เอาใจช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ ขอให้การรักษาเป็นไปได้ด้วยดี และให้ลูกน้อยปลอดภัย หายเป็นปกติด้วยครับ

 

Pims*****m

1 ตุลาคม 2561 07:14:39 #15

หลานอายุ 6 เดือนเป็น CRYTIC HYGROMA ที่แก้มด้านซ้ายเหมือนกันค่ะ เครียดมากอยากรู้หลังผ่าเป็นยังงัยบ้างค่ะ คุณ CHANYANAT เอาออกได้หมดมั้ยค่ะ มีอะไรแนะนำมั้ยค่ะ รบกวนด้วยค่ะ