21 พฤศจิกายน 2556 03:14:27 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ ลูกชายอายุ 7 ขวบ เป็นไซนัสเรื้อรังจากการที่เป็นหวัดนานและกินยาฆ่าเชื้อไม่ต่อเนื่อง อาการคือ เยื่อบุจมุูกบวม ตอนแรกไปหาหมอเด็ก หมอก็จะบอกว่าเป็นภูมิแพ้ (แต่เคยทำสกินเทสต์ 2 ครั้ง ก็ไม่พบว่าแพ้อะไรทั้ง 2 ครั้งค่ะ) ให้พ่นยาอวามิส วันละครั้งก่อนนอน และล้างจมูก ต่อมาล่าสุด มีอาการเป็นหวัด น้ำมูกเขียว หมอให้ยาฆ่าเชื้อ cravit มากิน 14 วัน (เพราะหมอกลัวเป็นไซนัส แต่ไม่ได้ x-ray นะคะ) หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึง ลูกชายปวดท้องและอาเจียน (หวัดก็ยังไม่หายดี) ไปพบหมอคนเดิม หมอให้นอนรพ. ให้น้ำเกลือ ให้ยาฆ๋าเชื้อผ่านสายน้ำเกลือ (ไม่ทราบชื่อยา) นอน 2 คืน 3 วัน พอกลับบ้านหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อ Zithromax มากินอีก 6 วัน (แบบเม็ด วันละเม็ดค่ะ) อาการหวัดก็ดีขึ้น ไม่มีน้ำมูกแบบทั้งวัน แต่เวลาล้างจมูกยังมีน้ำมูกเขียวออกมานิดหน่อย สุดท้ายเลยพาไปหาหมอด้านจมูกโดยตรง เล่าอาการและยาที่เคยกินมาให้หมอฟัง หมอให้ x-ray ปรากกฏว่ามีไซนัสหนาทึบประมาณ 0.5 ซม. ที่ข้างแก้ม (หรือข้างจมูก เรียกไม่ถูกค่) หมอให้พ่นยาอวามิส เช้า, ก่อนนอน ทุกวัน ล้างจมูก เช้า เย็น และกิน Zyrtec ก่อนนอน วันละ 5 มิล 

ทำอย่างนี้มาจนครบ 3 เดือนก็ x-ray อีกครั้ง ปรากฏว่าความหนาของไซนัสก็ยังเท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง หมอก็เลยให้พ่นยา กินยา เหมือนเดิมต่อไป จนตอนนี้ก็ผ่านไป 5 เดือนแล้วค่ะ คำถามคือ การพ่นยาอวามิส วันละ 2 ครั้ง มากเกินไปหรือเปล่าคะ เพราะส่วนใหญ่เจอแต่พ่นวันละครั้ง ปรึกษากับเภสัชแถวบ้าน เค้าก็บอกว่าให้พ่นวันละครั้งก็พอ เลยลดเหลือพ่นวันละครั้งมาได้ 3 วันแล้ว เมื่อเช้า ลูกล้างจมูก ปรากฏว่ามีเลือดออกมาหน่อยนึงค่ะ เป็นลักษณะเหมือนลิ่มเลือดเล็กๆก้อนหนึ่ง ประมาณครึ่งซม.  อีกข้างหนึ่งก็เป็นเส้นยาวๆ จางๆ ประมาณ 1 ซม. จะมีปัญหาอะไรมั้ยคะ ควรงดพ่นจมูกไปก่อนหรือเปล่า ตอนนี้ลูกไม่มีน้ำมูกนะคะ แต่ส่องดูจมูกเหมือนจะบวมๆค่ะ (ดูไม่ค่อยเป็น) 

อีกคำถามคือ ไซนัสเรื้อรังของลูกจะมีโอกาสหายมั้ยคะ แล้วจำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อหรือเปล่า หมอที่รักษาลูกบอกว่าที่ผ้านมาลูกกินยาไปเยอะและแรงด้วย แต่ช่วงเวลาที่รักษากับคุณหมอท่านนี้ คุณหมอก็ให้กินยา แรนคลาฟ มา 2 ครั้งแล้วค่ะ เพราะลูกมีอาการเจ็บคอ คอแดง เลยกังวลว่า กินยาฆ่าเชื้อ เดือน เว้น เดือน เลยทีเดียว ควรจะทำอย่างไรดีคะ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณคะ่

25 พฤศจิกายน 2556 14:27:43 #2

26 พฤศจิกายน 2556 05:53:00 #3