เรียน คุณ tango.juliette

จากคำถามของคุณ ขออนุญาตชี้แจงเพิ่มเติมครับ บ้านเรามักสับสนกับคำว่า "ยาแก้อักเสบ" นะครับ

1. ยาแก้อักเสบ - ยาปฏิชีวนะ หรือ อาจเรียกว่ายาฆ่าเชื้อ ตัวอย่างเช่น ยาเพนิซิลลิน หรือ dicloxacillin ที่่คุณเคยมีอาการแพ้ หรือ เตตร้าซัยคลิน หรือยากลุ่มซัลฟา ครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://haamor.com/th/ยาปฏิชีวนะ/
(ไม่ทราบว่ามีอาการแพ้อย่างไร เพราะบางครั้งอาจเป็นผลข้างเคียงของยาเท่านั้น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย ครับ)

2. ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ ยาลดอาการปวดอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อ ตัวอย่างยา เช่น ไอบูโพรเฟน (brufen, ibugan) ไพรอกซิแคม (feldene, flamic) หรือไดโคลฟีแนค (voltaren, volnac ฯ)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://haamor.com/th/ไอบูโปรเฟน/

3. ยาแก้อักเสบ ลดบวม เป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยเลือดเสีย หรือ ทำให้ช่วยลดอาการบวมแดง โดยไม่ได้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแต่ประการใด แต่อาจพบว่าจ่ายร่วมกับยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยเสริมฤทธิ์ โดยการลดเสมหะ หรือเยื่อเมือกที่คลุมเชื้อแบคทีเรียไว้ ทำให้ตัวยาปฏิชีวนะ ทำงานกำจัดเชื้อได้ดีขึ้น

และที่มักเข้าใจสับสนกัน คือ อาการข้างเคียง หรือผลข้างเคียง กับ อาการแพ้ยา

- อาการข้างเคียง หรือ อาการไม่พึงประสงค์จากยา ไม่ได้เกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกาย ขึ้นกับขนาดของยาที่ใช้ เช่น อาการง่วงซึม หรือปากแห้ง คอแห้ง จากยาลดน้ำมูกกลุ่มเดิม ตัวอย่าง เช่น chlorpheniramine
หรือตับอักเสบ จากการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด (ไม่เกิน 4 กรัม หรือ ขนาด 500 มิลลิกรัม 8 เม็ดต่อวัน) เป็นอาการที่คาดเดาได้ เกิดได้กับผู้ป่วยเกือบทุกราย

- อาการแพ้ยา เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกาย เพื่อกำจัดสารแปลกปลอม หรือ สารเคมีที่กระตุ้น
ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นยาปฏิชีวนะ เนื่องจากเมื่อมีการใช้บ่อย ๆโดยไม่มีความจำเป็นหรือไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร อาการแพ้ที่แสดงออกที่พบบ่อย ๆจะเป็นเรื่อง ผื่นแพ้ ผื่นลมพิษ คัน เป็นจ้ำสีดำคล้ำ หรืออาการหน้าบวม ตาบวม คัดแน่น จมูก หายใจขัด หากมีอาการรุนแรงอาจถึงขั้น ช็อค หยุดหายใจ จนเสียชีวิตได้ อาการแพ้ยานี้ ไม่สามารถคาดเดาได้ ไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยทุกราย ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ เช่น แพ้ฝุ่น แพ้อาหารทะเลย มักมีอาการแพ้ได้ง่ายกว่าผู้ป่วยทั่วไป

จากที่ชี้แจงข้างต้น จะทราบว่า หากเป็นอาการแพ้ยา ไม่สามารถคาดเดาได้ ไม่ึขึ้นกับขนาดยา ยาที่คุณถามพบอาการแพ้ได้ค่อนข้างน้อยครับ (ประมาณ 1:1000 ราย) อาการที่พบมักเป็นอาการข้างเคียงมากกว่า คือ คลื่นไส้ อาเจียน

คำแนะนำ คือ คุณควรดูแลเหมือนแผลทั่วไป คือ

• ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ(ล้างแผล) หรือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
• เช็ดทำความสะอาด "รอบแผล" ด้วยแอลกอฮอล์ (พยายามอย่าให้โดนที่แผล เนื่องจากจะทำให้แผลติดยาก)
• ทาด้วยน้ำยาเบตาดีน หรือ Povidone Iodine
• ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์สะอาด พยายามอย่าให้ถูกน้ำ จะช่วยให้แผลแห้ง และติดได้ดีขึ้น

เป็นกำลังใจให้นะครับ
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล