คุณมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงวันที่ 6 กรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงหลังจากมีประจำเดือนประมาณ 10 วันเป็นระยะที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้น ถ้าคุณไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์โดยการสวมใส่ถุงยางอนามัย แต่มีการหลั่งภายในคุณจะต้องป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยการทานยาคุมฉุกเฉินถือเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ถ้าได้ทานยาอย่างถูกวิธี คือทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรืออย่างช้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง ทานครั้งละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง ยาจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ระหว่างที่ทานยาคุมนั้น ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์อีกก็คงไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้าทานยาครบ 2 เม็ดแล้วและไปมีเพศสัมพันธ์หลังจากนั้นอีก คุณอาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ได้ค่ะ การทานยาเม็ดที่ 2 ก่อนเวลาประมาณ 15 ถึง 20 นาที ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด การทานยาพาราเซตามอลไม่ได้มีผลในการลดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินค่ะ จากประวัติที่คุณบอกมานั้นจึงไม่ควรมีการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งเกินไปหรือเกิน 1-2 ครั้งต่อ เดือนเพราะอาจจะทำให้คุณมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ คือ ครรภ์นอกมดลูกค่ะ

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผงในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่คือกลุ่มชนิดฮอร์โมนเดี่ยวหมายถึงมีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวในยาเม็ดคุมกำเนิดทุกๆเม็ด ยาคุมชนิดนี้แผงนึงจะมี 28-35 เม็ด ยาคุมทุกเม็ดเหมือนกันหมด ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์โดยไปกดการทำงานของรังไข่ ทำให้ไข่ไม่ตก และทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นจนตัวอสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ นอกจากนี้ ยังทำให้ท่อนำไข่มีการเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลงจนตัวอสุจิและไข่ไม่สามารถปฏิสนธิกันได้เช่นกัน ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวนี้เหมาะสำหรับสตรีที่กำลังให้นมบุตรซึ่งจะไม่มีผลในการยับยั้งการหลั่งของน้ำนม คือมารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ตามปกติ แต่ปกติสตรีทั่วไปก็สามารถใช้ได้ ข้อเสียคืออาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติกระปริบกระปรอยทางช่องคลอดในระหว่างที่รับประทานยาและถ้าลืมทานยาก็จะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติหรือตั้งครรภ์บริเวณท่อนำไข่ได้ เพราะยาคุมจะทำให้ท่อนำไข่มีการเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลงด้วย

สำหรับยาคุมอีกกลุ่มหนึ่งได้แก่ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมซึ่งจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนอยู่ในเม็ดยา ยาคุมชนิดนี้มีทั้งชนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงและเอสโตรเจนต่ำ เอสโตรเจนสูงในที่นี้หมายถึงมีขนาดเอสโตรเจนประมาณ 30-35 ไมโครกรัม ส่วนเอสโตรเจนต่ำจะมีเพียง 15 ถึง 20 ไมโครกรัม ส่วนตัวยาโปรเจสโตเจนก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละชนิดของยา ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมนี้จะป้องกันการตั้งครรภ์โดยไปกดการทำงานของรังไข่เช่นกัน ทำให้ไข่ไม่ตก และทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นจนอสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้. ยาคุมฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้บ่อยคือคลื่นไส้อาเจียน แต่ข้อดีคือไม่ค่อยทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด สำหรับยาคุมชนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำนั้นจะมีข้อดีคือไม่ค่อยเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนแต่ข้อเสียคือจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดระหว่างรับประทานยาได้

หลักในการทานยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นจะต้องเริ่มทานเม็ดแรกของแผงไม่เกินวันที่ 5 ของรอบเดือน เช่น ถ้ารอบเดือนมาวันที่ 11 -15 กค ก็สามารถทานได้ในช่วงนี้ตลอด ต้องทานในเวลาเดียวกันบวกลบไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทานก่อนนอนเช่น ประมาณเวลา 21:00 นถึง 23:00 นเป็นต้น จะต้องมีวินัยในการทานยา ห้ามลืมทานยาเพราะถ้าลืมทานยาจะทำให้มีความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ได้ถ้าลืมทานจะต้องรีบทันทีที่นึกได้และทานเม็ดถัดไปในเวลาเดิมของทุกวันค่ะ