กระดานสุขภาพ

มีตุ่มใสบริเวณใกล้ช่องคลอด
Hory*****1

24 พฤษภาคม 2562 19:54:15 #1

มีตุ่มใสแดงใกล้บริเวณช่องคลอด มีอาการแสบร่วมด้วย และยังมีอาการตกขาวออกสีเขียวอ่อน เป็นโรคเริมหรือป่าวคะ แล้วมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

25 พฤษภาคม 2562 05:03:02 #2

เรียนคุณ Horyjong1

ก่อนอื่น ทางเว็บฯขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ไว้ใจเว็บ haamor.com

-เพื่อให้แพทย์ผู้ตอบคำถาม สามารถให้คำแนะนำในเบื้องต้นที่เหมาะสมกับคุณได้ ขอความกรุณาคุณช่วย "ถ่ายรูปเฉพาะตำแหน่งอาการ/รอยโรค/ผื่น ของคุณ แล้วส่งมาด้วยกับคำถาม

-รูปที่ส่งมา ต้องไม่สามารถระบุตัวคุณได้(เป็นจรรยาบรรณ์แพทย์) คือ ขอคุณช่วยปกปิดใบหน้า แต่ถ้ารอยโรคอยู่บนใบหน้า ให้ปกปิดตาทั้ง๒ ข้าง ถ้า รอยโรคที่ตา ให้ปกปิดตาข้างที่ปกติ (คือถ่ายรูปเฉพาะตาข้างที่มีอาการ)

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์
บรรณาธิการฝ่ายแพทย์
_____________________________________

วิธีการอัพโหลดรูปขึ้นเว็บเราสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

1.นำรูปของคุณไปฝากไว้ที่เว็บฝากรูป เช่น http://upic.me, www.googledrive.com, www.picz.in.th (หรือเว็บฝากรูปอื่นๆ)

2.เอาลิ้งก์หรือ URL ที่ได้มาแปะในกระทู้ (กรณีที่คุณไม่สะดวกจะเปิดเผยรูป) หรือ จะใช้ปุ่ม Insert/Edit Image (ที่เป็นรูปต้นไม้ด้านล่าง) แล้วเอาลิ้งก์หรือ URL แปะเข้าไปในช่อง Image URL ก็ได้คะ

หากคุณทำตามวิธีที่ 1 และ 2 แล้วยังไม่สามารถลงได้ สามารถส่งรูปของคุณมาได้ที่ info@haamor.com ค่ะ โดยส่งลิงค์กระทู้ หรือชื่อกระทู้มาด้วยนะคะ

ปล. ทางเรามีเพจ Facebook นะคะ หากท่านในมีปัญหา ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อนะค่ะ

https://www.facebook.com/haamor/

Anonymous

25 พฤษภาคม 2562 12:38:09 #3

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Horyjong1-48343.jpg

อันนี้เป็นรูปคะ รบกวนด้วยนะคะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

9 มิถุนายน 2562 21:38:50 #4

เรื่องของตุ่มใสและแสบร่วมด้วยบริเวณอวัยวะเพศนั้น อาจเป็นการติดชื้อทั่วไปได้ครับแต่จำเป็นต้องแยกโรคการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ก่อนครับ ซึ่งเริมนั้นจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสจำนวนมากกว่า 1 ตุ่มขึ้นไปครับ มีอาการแสบร่วมด้วย และหากไม่เคยเป็นมาก่อน มักจะติดต่อกันด้วยการสัมผัสต่างๆ ทั้งเพศสัมพันธ์หรือของใช้ร่วมกัน แต่หากเคยเป็นแล้ว เป็นซ้ำมักจะเกิดช่วยป่วย ไม่สบาย พักผ่อนน้อย นอนดึก อาจทำให้เริมกลับมาเป็นใหม่ได้ อื่นๆ ที่อาจมีรอยโรคคล้ายกันได้ อาจเปิดแผลที่เกิดจากการเสียดสี เช่น เพศสัมพันธ์ครับ ดังนั้นในความเห็นของหมอ หากมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ หมอแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจวิจิฉัยให้แน่ชัด และ ให้การรักษาอย่างถูกต้องนะครับ

ส่วนในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หลังเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ควรเช็ดด้วยผ้าสะดาดให้แห้ง ใจานที่บางไม่อับชื้นง่าย อาจพิจารณาเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่เลยครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ แต่หากเป็นเพียงมูกเล็กน้อย ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ก็อาจเป็นเพียงสารคัดหลังที่มีมากขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์นะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ