กระดานสุขภาพ
ตกขาวปนเลือด | |
---|---|
11 เมษายน 2562 14:03:26 #1 สวัสดีคะ มีอาการตกขาวปนเลือดคะ มีอาการมาประมาณ2เดือนแล้วคะ ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็นเชื้อราในช่องคลอดเพราะมีอาการคัน ตกขาวและมีกลิ่น เภสัชให้ยา hofnazle มาทาน แต่ก็ไม่หาย หลังจากทานยาหมด เดือนนึงก็มีอาการตกขาวปนเลือด แต่ไม่มีกลิ่นและไม่มีอาการคัน มีแค่เมือกปนเลือดทุกวันเลยคะ ต้องใส่ผ้าอนามัยรองไว้ตลอด บางทีติดกางเกงใน ประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้วคะ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ อยากทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรคะ ต้องไปพบแพทย์ที่สูติหรือเปล่า อันตรายหรือไม่เพราะไม่หายสักที |
|
อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 80 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.68 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
13 เมษายน 2562 16:07:31 #2 ในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หลังเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ควรเช็ดด้วยผ้าสะดาดให้แห้ง ใจานที่บางไม่อับชื้นง่าย อาจพิจารณาเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่เลยครับ ซึ่งการรักษาด้วยการทานยานั้น จะใช้เมื่อมีการติดเชื้อรามากกว่าสองตำแหน่งในร่างกาย ซึ่งจะเกิดกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีทานยากดภูมิบางอย่างครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ แต่หากเป็นเพียงมูกเล็กน้อย ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ก็อาจเป็นเพียงสารคัดหลังที่มีมากขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์นะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ ส่วนหากมีอาการตกขาวร่วมกับมีเลือดสดติดออกมาทุกๆครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้น อาจเกิดจากการที่มีการอักเสบหรือรอยโรคที่ปากมดลูกนะครับ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ |
Anonymous |
13 เมษายน 2562 16:34:46 #3
ขอบคุมากๆคะหมอ
|
Anonymous