เรียนคุณ Followyourheart

ก่อนอื่น ทางเว็บฯขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ไว้ใจเว็บ haamor.com

-เพื่อให้แพทย์ผู้ตอบคำถาม สามารถให้คำแนะนำในเบื้องต้นที่เหมาะสมกับคุณได้ ขอความกรุณาคุณช่วย "ถ่ายรูปเฉพาะตำแหน่งอาการ/รอยโรค/ผื่น ของคุณ แล้วส่งมาด้วยกับคำถาม

-รูปที่ส่งมา ต้องไม่สามารถระบุตัวคุณได้(เป็นจรรยาบรรณ์แพทย์) คือ ขอคุณช่วยปกปิดใบหน้า แต่ถ้ารอยโรคอยู่บนใบหน้า ให้ปกปิดตาทั้ง๒ ข้าง ถ้า รอยโรคที่ตา ให้ปกปิดตาข้างที่ปกติ (คือถ่ายรูปเฉพาะตาข้างที่มีอาการ)

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์
บรรณาธิการฝ่ายแพทย์
_____________________________________

วิธีการอัพโหลดรูปขึ้นเว็บเราสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

1.นำรูปของคุณไปฝากไว้ที่เว็บฝากรูป เช่น http://upic.me, www.googledrive.com, www.picz.in.th (หรือเว็บฝากรูปอื่นๆ)

2.เอาลิ้งก์หรือ URL ที่ได้มาแปะในกระทู้ (กรณีที่คุณไม่สะดวกจะเปิดเผยรูป) หรือ จะใช้ปุ่ม Insert/Edit Image (ที่เป็นรูปต้นไม้ด้านล่าง) แล้วเอาลิ้งก์หรือ URL แปะเข้าไปในช่อง Image URL ก็ได้คะ

หากคุณทำตามวิธีที่ 1 และ 2 แล้วยังไม่สามารถลงได้ สามารถส่งรูปของคุณมาได้ที่ info@haamor.com ค่ะ โดยส่งลิงค์กระทู้ หรือชื่อกระทู้มาด้วยนะคะ

ปล. ทางเรามีเพจ Facebook นะคะ หากท่านในมีปัญหา ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อนะค่ะ

https://www.facebook.com/haamor/

แนบรูปภาพค่ะ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Followyourheart-47775-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Followyourheart-47775-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Followyourheart-47775-3.jpg

จากรูปที่เห็นนั้นไม่ค่อยชัดเจนค่ะ แต่อาจจะมีการติดเชื้อที่บริเวณปากช่องคลอดก็ได้เพราะว่าเห็นว่าผิวหนังบริเวณภายนอกมีลักษณะบวมแดง และคล้ายมีแผลเหมือนลักษณะแผลร้อนในอยู่ที่บริเวณปากช่องคลอดค่ะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนั้นอาจจะเข้าได้กับการติดเชื้อเริม โดยช่วงนี้คุณมีภูมิต้านทานของร่างกายที่ต่ำลงจึงอาจจะมีการติดเชื้อเริม ซึ่งจะเห็นรอยโรคมีลักษณะช่วงแรกเป็นตุ่มน้ำใสเมื่อตุ่มน้ำแตกออกก็จะเห็นแผลมีลักษณะคล้ายแผลร้อนในอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม กระจายไปทั่ว เมื่อไปสัมผัสหรือโดนน้ำจะมีอาการเจ็บแสบมาก แผลที่เห็นนั้นจะมีก้นแผลลักษณะสกปรก เหมือนคล้ายเป็นหนอง ดังนั้น การรักษาจะต้องใช้ยาต้านเชื้อไวรัสกลุ่มอะไซโคลเวียร์เพราะโรคเริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ซึ่งจะต้องใช้ยาต้านไวรัสกลุ่มดังกล่าวมีทั้งชนิดรับประทานและทาภายนอก จะทำให้อาการดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การที่คุณมีภาวะมะเร็งของผนังเยื่อบุโพรงมดลูก และ ได้รับการรักษาโดยการใส่แร่ร่วมด้วย การใส่แร่ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดและในช่องคลอดได้เช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากแร่หรือรังสีที่ใช้ดังนั้นการรักษาก็อาจจำเป็นที่จะต้องใช้สเตียรอยด์หรือยาทาภายนอกเพื่อบรรเทาอาการให้อาการอักเสบนั้นดีขึ้นหมอแนะนำว่าทางที่ดีคุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยก่อนนัดจะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้องไม่ควรรักษาเองเพราะถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่หมอบอกมาอาจจะทำให้อาการลุกลามกระจายไปมากขึ้นซึ่งอาจจะยากต่อการรักษาต่อไป ควรรีบไปพบแพทย์ในช่วงนี้จะดีมากที่สุดค่ะ

จากอาการที่กล่าวมานั้น น่าจะมีการอักเสบของช่องคลอดอย่างมากนะครับ ซึ่งเกิดจากการใส่แร่ครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์ก่อนนั้นทันทีเลยนะครับ อาจจำเป็นต้องได้รับยาปฎิชีวนะและตรวจเพิ่มเติมว่าการอักเสบมากน้อยเพียงใดครับ

ดิฉันได้ไปหาหมอแล้วนะคะ หมอให้ทานยาฆ่าเชื้อ และให้ทายา ChlorOph เช้าเย็น แล้วให้กลับบ้าน เวลาปัสสาวะจะแสบมาก ก็อดทนปัสสาวะให้เสร็จพร้อมกับฉีดน้ำเกลือล้างแผลไปด้วยแล้วก็จะมาทายา ChlorOph ผ่านมา 5 วัน ความบวมแดงและความเจ็บยังอยู่ ไม่แน่ใจว่าเพราะช่องคลอดมีเมือกสีขาวออกมาตลอด เลยทำให้ชื้นแฉะ เลยหายช้าหรือไม่ ถ้าดิฉันจะแก้ไขโดยพอมีเมือกออกมาเช็ดน้ำเกลือออก แล้วนอนแผ่ให้พัดลมเป่าตลอดวันดีหรือไม่คะ หรือมีแนวทางไหนจะทำให้หายเร็วหรือไม่คะ เวลาปัสสาวะแสบมากคะ ขอบคุณค่ะ

จากลักษณะที่พบเหมือนกับการติดเชื้อเลยค่ะ อาจจะเกิดจากการเป็นเริม ซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อ herpes simplex ซึ่งจะทำให้เกิดรอยโรคมีลักษณะ ดังกล่าว โดยจะพบก้นแผลมีลักษณะสกปรก ตอนแรกจะเห็นเป็นตุ่มน้ำใส เมื่อตุ่มน้ำแตกออกก็จะเห็นแผลอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อไปสัมผัสถูก โดนน้ำหรือปัสสาวะจะมีอาการเจ็บแสบมาก คุณอาจจะมีไข้ต่ำๆ มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตได้ การรักษานั้นจะต้องใช้ยาต้านเชื้อไวรัสกลุ่มอะไซโคลเวียร์ ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานและทาภายนอกเพื่อทำให้อาการดีขึ้น เนื่องจากคุณเป็นมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกและมีการกระจายมาที่ปากช่องคลอด แพทย์ได้ให้การรักษาโดยการใส่แร่และอาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบที่บริเวณช่องคลอดได้เช่นกัน แต่ไม่น่าจะลามมาที่บริเวณผิวหนังภายนอกปากช่องคลอด ในกรณีที่ไม่แน่ใจหมอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป อย่านึกคิดเองค่ะ เพราะอาจจะมีความผิดปกติอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่ในช่องคลอดซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้หรือถ่ายรูปให้เห็นได้อาจจะต้องมีความจำเป็นที่จะต้องรับการรักษาเพิ่มเติมจากที่แนะนำค่ะ

คุณหมอให้ทานยาฆ่าเชื้อ ciprofloxacin และ clindamycin เป็นเวลา 14 วันค่ะ ผ่านมาแล้ว 7 วันพบว่าช่องคลอดยังคงบวมแดง และมีหนองอยู่ เพราะเชื้อยังอยู่ใช่ไหมค่ะ ความบวมแดงเลยยังไม่หายต่อให้เราทายาภายนอกสมานแผลซึ่ง คุณหมอให้ใช้ยา blu jel ยังไงก็ยังไม่หาย นอกจากให้เชื้อตายหรือจนกว่าจะไม่มีหนอง อันนี้เข้าใจถูกไหมคะ

ขอสรุปข้อสงสัยค่ะ 1. เพราะยังมีเชื้ออยู่จึงทำให้ช่องคลอดที่อักเสบบวมแดงใช่หรือไม่ค่ะ ต้องกินยาฆ่าเชื้อให้ครบ 14 วันตามหมอสั่งก่อน เชื้อจึงหมด อาการบวมแดงถึงดีขึ้น 2. เพราะปัสสาวะโดนบ่อยๆ แสบๆเลยทำให้บวมแดงหายช้าใช่หรือไม่ค่ะ 3. เพราะเมือกช่องคลอดออกมาบ่อยๆ เลยทำให้บวมแดงหายช้าใช่หรือไม่ค่ะ