กระดานสุขภาพ
ตุ่มคันบริเวณอวัยวะเพศ | |
---|---|
17 มีนาคม 2562 10:59:21 #1 เป็นตุ่มขรุขระบริเวณแคมลงไปถึงปากช่องคลอดเลยค่ะ มีอาการคันร่วมเป็นบางครั้ง แต่ทายาแก้คันก็หายค่ะ เวลาบีบจะเจ็บ ลักษณะเป็นไตแข็ง เป็นมานานแล้วค่ะ มีวิธีรักษาหรือยาทาให่้ตุ่มหายไปมั้ยคะ |
|
อายุ: 28 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 96 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 33.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Anonymous |
17 มีนาคม 2562 11:05:36 #2 |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
18 มีนาคม 2562 06:22:29 #3 ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุอาการบวมแดง คัน อักเสบบริเวณอวัยวะเพศนั้น มีสาเหตุหลักๆ 2 ประการ ครับ อย่างแรก คือมีการติดเชื้อในช่องคลอดก่อนแล้วทำให้อวัยวะเพศภายนอกมีอาการอักเสบไปด้วย เช่น เชื้อราครับ ซึ่งจะมีตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น อาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หลังเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ควรเช็ดด้วยผ้าสะดาดให้แห้ง ใช้ชุดชั้นในที่บางไม่อับชื้นง่าย อาจพิจารณาเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่เลยครับ และการทานยาปฎิชีวนะนานๆก็ทำให้มีผลเสียได้มากนะครับ และ ก็เป็นสาเหตุของการติดเชื้อราได้เลยครับ ประการที่สอง คือ มีการแพ้สัมผัสจากสารเคมีต่างๆภายนอกครับ เช่น ผงซักฝอก ครีม สเปรย์ หรือ ชุดชั้นในต่างๆครับ ซึ่งอาการจะไม่มีตกขาว แต่จะมีเพียงอวัยวะเพศภายนอกบวมแดง คันเป็นหลักครับ การรักษาหลักคือใช้ยาทาในกลุ่มสเตียรอยด์ครับ อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์ก่อนนะครับ เนื่องจากจำเป็นต้องวินิจฉัยให้ได้ก่อน การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ไปทาเชื้อรานั้น อาจทำให้อาการแย่ลงไปอีกนะครับ |
Anonymous |
19 มีนาคม 2562 03:44:48 #4
ไม่มีตกขาวผิดปกติค่ะ มีตกขาวเฉพาะเวลาก่อนมีประจำเดือน ลักษณะเป็นวุ้นใสๆ ไม่มีกลิ่นค่ะ ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ค่ะ แต่จะช่วยตัวเองบ่อยๆ มีการสอดใส่นิ้วค่ะ พฤติกรรมแบบนี้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคไหมคะ เช่นหูด เริม อะไรพวกนี้ค่ะ เพราะตุ่มที่เกิดมันเป็นไตแข็ง เสียดสีมากๆแล้วรู้สึกเจ็บ เป็นมานานมากกว่า 1-2 ปีแล้วค่ะ เหมือนกระจายมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อื่นตามอาการที่คุณหมอบอก ระหว่างขา ก้น ไม่มีค่ะ มีที่ริมฝีปากด้วยค่ะ เพิ่งมีเมื่อไม่นานนี้
http://haamor.com/media/images/webboardpics/39c9b-47643-2.jpg |
Anonymous |
19 มีนาคม 2562 03:47:12 #5
เพิ่มเติมค่ะ ไม่มีอาการคันภายในช่องคลอดค่ะ
|
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
30 มีนาคม 2562 17:50:01 #6 ปกติแล้ว หากไม่มีเพศสัมพันธ์ ไม่มีโอกาสเลยที่จะติดโรคต่างๆทางเพศสัมพันธ์อย่างที่กล่าวมาครับ ส่วนเรื่องตุ่มต่างๆ นั้น จากการคาดเดานะครับ ส่วนใหญ่การอักเสบบริเวณนี้ มักเกิดจากการอักเสบของต่อมขนหรือต่อมไขมันครับ อาจคล้ายกับหัวสิว อาจหากเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำไปครับ และก็ควรดูแลรักษาความสะอาดตามปกติครับ ไม่ให้อับชื้น เป็นต้นครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อนได้ครับ หากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการผิดปกติมากขึ้น ก็ควรมาพบแพทย์นะครับ เพราะ โรคในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้การตรวจรอยโรคครับ ในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ |
Anonymous