ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv เป็นวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้บางสายพันธุ์ ไม่ได้แปลว่าจะสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ หลังฉีดคนไข้ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกอยู่ แต่ความเสี่ยงจะลดลงถ้าได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว คนไข้ยังมีความจำเป็นที่จะต้องไปรับการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีตามปกติ ปัจจุบัน วัคซีนที่ใช้มี 2 ชนิดคือชนิด 4 สายพันธุ์ซึ่งหมายถึงเป็นชนิดที่สามารถป้องกัน hpv ที่เป็นสาเหตุของหูดได้ ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็นชนิด 2 สายพันธุ์ที่ไม่สามารถป้องกันเรื่องหูดได้ แต่จะเน้นแต่เรื่องของมะเร็งปากมดลูกเพียงอย่างเดียว ทั้งสองชนิดอาจจะมีข้อแตกต่างกันในส่วนเล็กส่วนน้อยแต่ทั้งสองชนิดก็ยังมีประสิทธิภาพในเรื่องของการป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน จะมีข้อแตกต่างกันในรายละเอียดซึ่งแพทย์ที่จะทำการรักษาหรือสั่งฉีดยาจะเป็นผู้อธิบายให้ข้อมูลคนไข้ทราบเพิ่มเติมต่อไป หมอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในเรื่องของการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม คุณได้ฉีดชนิด 2 สายพันธุ์ไปแล้วไม่ควรเปลี่ยน ควรจะต้องไปฉีดให้ครบ 3 เข็มเพราะชนิด 2 สายพันธุ์ก็มีประสิทธิภาพที่ดีในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ และยังมีงานวิจัยว่าสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือรอยโรคในระยะที่ 2 ได้ดีสูงสุดถึง 95 เปอร์เซ็นต์ บางประเทศ ในแถบยุโรป สั่งซื้อวัคซีนชนิด 2 สายพันธ์มาฉีดให้เด็กประถมทุกราย จึงถือเป็นวัคซีนมาตรฐานทร่ใช้ในเด็กประถมของประเทศไปเลยทีเดียว ดังนั้น ควรจะต้องไปรับการฉีดต่อให้ครบ ส่วนเรื่องของหูดนั้น ถ้ามีการสวมใส่ถุงยางอนามัยเป็นอย่างดีแฟนไม่ได้มีพฤติกรรมในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือมีพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ในชายด้วยกัน ความเสี่ยงในเรื่องของการเป็นหูดก็จะลดน้อยลงมากหรือจะแทบไม่มีความเสี่ยงเลย ดังนั้นจึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไปค่ะควรไปรับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องให้ครบ 3 เข็มตามที่แพทย์นัดหมายค่ะ
________________________________