กระดานสุขภาพ

ตกขาว
Ariy*****1

21 ธันวาคม 2561 18:47:19 #1

คือคืนของวันนี้อาบน้ำ ตอนตี1 แล้วทีนี้ก่อนหน้านั้นก็รู้สคกคันอวัยวะเพศแต่ไม่ได้คันมากอะไร (มีประวัติคือเป็นตกขาวมา3ปี ไปหาหมอแล้วได้ยามาทาน แต่ก็ดีมาแปบเดียวแต่ก็เหมือนเดิม เลยอาศัยการดำรงชีวิตช่วย เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว มีครั้งสุดท้ายวันที่18 พ.ย ใส่ถุงยาง และทานยาคุม แต่ปัจบันเลิกทานแล้ว) แล้วตอนอาบน้ำ ล้างตรงนั้นอยู่ก็ล้วงเจอก้อนๆนิ่มๆก็ควักออกมา ตกใจมาก เป็นตกขาวก้อนๆ ก้อนใหญ่มาก เราก็ล้วงิิกมาจนหมด เท่าที่รู้สึกคืออวัยวะบวมหน่อยๆแย่ไม่ได้คิดอะไรเพราะอาจจะเพราะตอนสวิทกับแฟนแล้วแฟนเอานิ้วล้วงเข้ามาบิ้วอารมณ์เรา คิดว่าอาจจะบวกเพราะแบบนั้นรึเปล่า แล้วพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมากินน้ำ แล้วรู้สึกมันอะไรซึมๆออกมาจากอวัยวะของเรา ตอนแรกคิดว่าตกขาวแต่พอเอาทิชชู่ซับๆ มันแบบสีออกเหมือนเลือดซีดๆไม่เข้มไม่แดง (ประจำเดือนของเดือนธันวา มาวันที่9ถึง15) ตกขาวก้อนนั้นสีออกเขียวอ่อนมากๆ ตอนล้วงรู้สึกเหมือนอวัยวะเพศจะมีตุ่มๆยิบๆอยู่ภายใน กลิ่นก็อบบอับๆเมื่อก่อนที่เป็นจะเป็นแต่แบบน้ำๆแต่วันนี้ครั้งแรกเลยที่เป็นก้อนหนาๆแบบนี้ อยากทราบว่าตกขาวชนิดไหน และที่ซึมออกมาสีซีดๆนี่ใช่เลือดล้างหน้าเด็กหรือไม่เพราะทราบมาว่าเลอดล้างหน้าเด็กจะซีดๆ และจะมาช่วงวันที่21-22ของเดือน เพิ่มเติมวันที่7สวีทกับแฟนสอดใส่ทีเดียวแล้วเอาออก เช็ดน้ำหล่อที่หัวแล้ว+ไม่ได้

ทานยาคุมแล้ว เสี่ยงท้องรึเปล่าคะ หรือเพราะ เอานิ้วสอดเข้ามาทำรุนแรงเกินไป หรือเพราะเป็นโรคอะไรคะ ถ้าตะตรวจครรภ์ต้องตวรจเดือนหน้าใช่มั้ยคะ เพราะเดือนนี้เป็นประจำเดือนไปแล้ว

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

25 ธันวาคม 2561 04:15:32 #2

ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ แต่หากการสอดใส่นั้น เพียงแต่พยายามจะสอดใส่หรือเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาจไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจหรือไม่แน่ใจว่าสอดใส่ไปมากน้อยเพียงใด การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ โดยอาจทาน 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ อาจทานพร้อมกัน 2 เม็ด เลยก็ได้หากกังวลว่าจะลืม ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่วน คำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่ประจำเดือนขาดไปประมาณข่วง 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนรอบสุดท้าย หากเป็นผลบวกหรือตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็กครับ

ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุอาการบวมแดง คัน อักเสบบริเวณอวัยวะเพศนั้น มีสาเหตุหลักๆ 2 ประการ ครับ อย่างแรก คือมีการติดเชื้อในช่องคลอดก่อนแล้วทำให้อวัยวะเพศภายนอกมีอาการอักเสบไปด้วย เช่น เชื้อราครับ ซึ่งจะมีตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น อาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หลังเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ควรเช็ดด้วยผ้าสะดาดให้แห้ง ใช้ชุดชั้นในที่บางไม่อับชื้นง่าย อาจพิจารณาเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่เลยครับ และการทานยาปฎิชีวนะนานๆก็ทำให้มีผลเสียได้มากนะครับ และ ก็เป็นสาเหตุของการติดเชื้อราได้เลยครับ ประการที่สอง คือ มีการแพ้สัมผัสจากสารเคมีต่างๆภายนอกครับ เช่น ผงซักฝอก ครีม สเปรย์ หรือ ชุดชั้นในต่างๆครับ ซึ่งอาการจะไม่มีตกขาว แต่จะมีเพียงอวัยวะเพศภายนอกบวมแดง คันเป็นหลักครับ การรักษาหลักคือใช้ยาทาในกลุ่มสเตียรอยด์ครับ อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์ก่อนนะครับ เนื่องจากจำเป็นต้องวินิจฉัยให้ได้ก่อน การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ไปทาเชื้อรานั้น อาจทำให้อาการแย่ลงไปอีกนะครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ หรือหากล่น หลุด ในช่วงมีเพศสัมพันธ์มักเกิดจากใช้ขนาดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Ariy*****1

25 ธันวาคม 2561 15:05:46 #3

แล้วการที่ไข่ไม่ตก (ที่เป็นเมือกๆเหมือนไข่ขาว) สามารถบ่งบอกได้มั้ยว่าเรากำลังจะท้อง คือต้องดูเดือนหน้าอย่าวเดียวใช่มั้ยคะ
Ariy*****1

25 ธันวาคม 2561 15:08:00 #4

หลังจากที่ซับครั้งนั้นก็แค่ครั้งเดียวแถมจางมากๆ จนดฟุแถบไม่ออกว่าเป็นเลือดหรือเป็นอะไร เลยไม่แน่ใจว่าใช่เลือดล้างหน้าเด็กมั้ย
Ariy*****1

25 ธันวาคม 2561 15:12:03 #5

ตอนนี้อาการบวมอะไรก็หายตั้งแต่วันที่23 คือมีการสอดใส่แค่เข้าแล้วออก วันที่7 สามารถตรวจได้เลยมั้ยอยากทราบผลเร็วๆค่ะ
Ariy*****1

26 ธันวาคม 2561 04:17:01 #6

เช้านี้เข้าห้องน้ำแล้วล้วงภายในดู มีตกข้าวเป็นก่อน และเลือดปน คืออะไรคะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

27 ธันวาคม 2561 02:48:45 #7

เรื่องการสังเกตเมือกขาวๆเพื่อคาดเดาว่าตกไข่หรือไม่นั้น ค่อนข้างยากและไม่แม่นยำนะครับ หากต้องการทราบจริงๆ ก็จะใช้การตรวจฮอร์โมน LH ในปัสสาวะครับ ซึ่งจะใช้ในผู้ต้องการมีบุตรและคาดเดาวันที่มีโอกาสสูงที่จะตั้งครรภ์ครับ ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์หรือไม่นั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ