ยาคุมฉุกเฉินประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนในขนาดสูง ออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์โดยทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความไม่เหมาะในการฝังตัวของตัวอ่อน และ จะทำให้ท่อนำไข่มีการเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลง รวมทั้งไปกดการทำงานของรังไข่ได้ด้วย ดังนั้น หลังทานยาคุมฉุกเฉินจึงอาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้และรอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้ การทานยาคุมฉุกเฉินนั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าควรจะต้องทานในกรณีที่มีความฉุกเฉินจริงๆ เดิมทางการแพทย์จะนำมาใช้ในกรณีที่คนไข้ถูกข่มขืนมา หรือไม่พร้อมที่จะมีบุตร แต่ปัจจุบันสตรีทั่วไปเอามาใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์กันมาก ซึ่งประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์นั้นอาจจะไม่ดีและอาจจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ ถ้ามีการใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งเกินไปหรือเกิน 1-2 ครั้งต่อเดือน ดังนั้น ควรจะต้องระมัดระวังการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ใช้อย่างพร่ำเพรื่อด้วย ตอนนี้อาจจะไม่สามารถยืนยันได้แน่นอนว่าคุณมีการตั้งครรภ์หรือไม่ แต่จากประวัติคุณมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วง 9-14 พฤศจิกายนซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่คุณมีเพศสัมพันธ์และทานยาคุมฉุกเฉินไปถึงสองครั้ง ถ้าจะให้มั่นใจว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ หมอแนะนำว่าคุณควรทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วย โดยผลการตรวจจะมีความน่าเชื่อถือได้ ถ้าได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้ค่ะ จากประวัติที่คุณบอกมาคุณมีรอบเดือนมาค่อนข้างจะปกติ เดือนนี้คุณทานยาคุมฉุกเฉินรอบเดือนไม่ควรจะมาวันที่ 26 พฤศจิกายน แต่อาจจะมีความคลาดเคลื่อนออกไปได้อีก ดังนั้น ควรตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์ด้วย ถ้าไม่พบการตั้งครรภ์และรอบเดือนคลาดเคลื่อนไปนานก็สามารถทานฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเพื่อให้รอบเดือนมาตามปกติได้ ส่วนอาการปวดหน่วงท้องน้อยนั้นเป็นอาการที่ไม่จำเพาะไม่ได้บ่งบอกว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความวิตกกังวลของคุณเรื่องการตั้งครรภ์ด้วยก็ได้

น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากที่กินยาคุมฉุกเฉินเข้าไปค่ะ ถ้าประจำเดือนมาไม่ปกติ ยังไงลองกินยาคุมซินโฟเนียจะได้ให้มันช่วยปรับฮอร์โมน ประจำเดือนจะได้มาปกติด้วย