กระดานสุขภาพ
อาการปวดหน่วงท้องน้อยค่ะ | |
---|---|
13 พฤศจิกายน 2561 07:38:50 #1 สวัสดีค่ะ ขอรบกวนปรึกษาและขอคำแนะนำจากคุณหมอด้วยนะค่ะ คือ ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือน ก.ย 61 ที่ผ่านมา หนูก็ทานยาคุมกำเนิดตามปกติที่เคยทานมาเสมอ แต่พอทานใกล้จะหมดแผงและใกล้ประจำต้องมาแล้ว แต่พอดีแฟนจะพาไปเที่ยวทะเลพร้อมกับครอบครัว หนูก็ไม่อยากให้ประจำเดือนมาในช่วงที่เราไปเที่ยวทะเล หนูก็ไปซื้อยาเลื่อนประจำเดือนที่ร้านขายยามา เพื่อจะเลื่อนประจำเดือนออกไปก่อน แต่เภสัชกรที่ร้นขายยาท่านแนะนำว่า ไม่ต้องทานยาเลื่อนก็ได้ค่ะ ถ้ายาคุมกำเนิดแผงเก่าหมดแล้ว ก็ทานเม็ดที่ 1 ของแผงใหม่ต่อไปเลย และประจำเดือนก็จะไม่มา และทานแบบนี้จะป้องกันได้ดีที่สุดกว่าทานยาเลื่อนประจำเดือน พอทานยาคุมแผงใหม่หมดก็หยุดยาให้ประจำเดือนมา ประจำเดือนก็จะมาตามปกติ หนูก็ทำตามที่เภสัชกรที่ร้านขายยาท่านแนะนำมานะค่ะ คือ ทานยาคุมแผงใหม่ต่อไปเลย และในช่วงนั้นประจำเดือนก็ไม่มานะค่ะ หลังจากทานยาแผงใหม่หมดแล้ว ก็หยุดทานยา เพื่อให้ประจำเดือนมา และประจำเดือนก็มานะค่ะ มาตอนเย็น วันที่ 3 พ.ย และพอตอนบ่าย วันที่ 4 พ.ย ประจำเดือนก็หยุดไปเลย และไม่มาอีกเลยค่ะ พอประจำเดือนมาแค่ 1 วัน มันทำให้หนูมีอาการปวดหน่วงช่วงท้องน้อย ท้องบวมๆ อืดๆ ครั่นเนื้อ ครั่นตัว หงุดหงิดและไม่สบายตัวมากๆ ค่ะ อาการปวดหน่วงท้องน้อยนี้ จะอาการคล้ายๆ ประจำเดือนจะมา แต่ก็ไม่มานะค่ะ เหมือนมันอั้นนะค่ะ ขอคำปรึกษาและแนะนำจากคุณหมอด้วยนะค่ะ ว่า อาการที่หนูเป็นตอนนี้ เกิดจากการทานยาคุมติดต่อกัน 2 เดือนมั้ยค่ะ และควรทำอย่างไรให้อาการปวดหน่วงท้องน้อยและท้องบวมหายไปค่ะ และควรทำอย่างไรให้ประจำเดือนกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมค่ะ ขอบพระคุณ คุณหมอค่ะ |
|
อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
13 พฤศจิกายน 2561 19:51:10 #2 ในกรณีที่คุณต้องการเลื่อนประจำเดือนไม่ให้มาตามปกติ และคุณได้ทานยาคุมกำเนิดชนิดแผงอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของเภสัชกรนั้นถือว่าถูกต้องแล้ว คุณสามารถรับประทานยาคุมอย่างต่อเนื่องชนิดแผงชนแผงได้เลย ไม่ต้องหยุดยา ยาคุมจะต้องเป็นชนิด 21 เม็ดเท่านั้น เพื่อที่จะไม่ให้รอบเดือนมาและคุณสามารถทานต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ ตามที่ต้องการถ้าไม่ต้องการให้มีประจำเดือนมา แต่ในกรณีที่คุณต้องการให้มีประจำเดือนมาเมื่อหยุดยาคุมแผงที่ 2 ก็ให้เว้น 7 วันเพื่อให้ประจำเดือนมาจากนั้นก็สามารถเริ่มทานแผงใหม่ได้ตามปกติหลังจากหยุดยาครบ 7 วัน ประจำเดือนจะมาในช่วงนี้ การทานยาคุมเป้นเวลานานจะทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความบางตัวลงได้มาก ซึ่งหมอคิดว่าเป็นเรื่องปกติค่ะที่ประจำเดือนจะมาน้อยเนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิดทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความบางตัวลงมากรอบเดือนจึงอาจจะมาได้น้อยมากกว่าปกติซึ่งไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด ส่วนอาการปวดหน่วงท้องน้อยหรืออาการท้องบวมนั้นอาจจะเกิดจากลำไส้ที่ทำงานไม่ปกติมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อหรือมีน้ำในช่องท้องมาก คุณสามารถรักษาตามอาการได้โดยทานยากลุ่มที่ทำให้ลำไส้มีการคลายตัวลง ออกกำลังกายและอย่าให้ท้องผูก อาการต่างๆ ที่เป็นอยู่น่าจะดีขึ้นได้ การที่จะทำให้รอบเดือนกลับมามากนั้นคงเป็นไปไม่ได้เมื่อหยุดยาครบ 7 วันแล้วก็ให้เริ่มทานแผงใหม่ต่อเนื่องไปได้ทันทีเพื่อจะได้มีฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของปริมาณประจำเดือน การที่รอบเดือนมาน้อยไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายแต่อย่างใดค่ะ |
Gj95*****6 |
2 ธันวาคม 2561 14:34:12 #3 ขอบคุณคุณหมอมากๆค่ะ สำหรับคำชี้แนะข้างต้นค่ะ แต่มันมีอาการนึงที่เกิดตามมา หลังจากที่หนูทานยาคุมกำเนิดติดต่อกัน 2 แผง โดยหนูทานแบบ 21 เม็ดค่ะ คือ มีรอยช้ำ หรือเป็นจ้ำเลือด เกิดขึ้นตรงข้างสะดือด้านขวา และใต้สะดือ ค่ะ และมีอาการท้องบวม อืดท้องร่วม และมีอาการปวดตุบๆ ตรงที่เป็นรอยช้ำขึ้นค่ะ เจ็บไม่มากนะค่ะ เจ็บนิดๆ ค่ะ ไม่ทราบว่าอาการจ้ำเลือดหรือรอยช้ำเป็นจ้ำๆ ข้างสะดือด้านขวาและใต้สะดือนั้น เกิดจากการที่หนูทานยาคุมติดต่อกัน 2 แผง มั้ยค่ะ ซึ่งหนูคิดว่าตัวเองไม่น่าจะแพ้ยาคุมยี้ห้อนี้นะค่ะ เพราะทานมาตลอด แต่หนูไม่เคยทานติดต่อกัน 2 แผง เลยค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ อาการเหล่านี้เกิดจากยาคุมมั้ยค่ะ ขอรบกวนคุณหมอช่วยชี้แนะและให้คำปรึกษากับหนูเพิ่มเติมด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
3 ธันวาคม 2561 07:17:59 #4 อาการรอยช้ำหรือเป็นจ้ำเลือดบริเวณข้างสะดือด้านขวา ไม่น่าจะเกิดจากการทานยาเม็ดคุมกำเนิดค่ะ เพราะคุณทานยาคุมมาเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าจะทานติดต่อหรือต่อเนื่องกันถึง 2 แผง ก็ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายแต่อย่างใดค่ะ อาการช้ำหรือเป็นจ้ำเลือดอาจจะเกิดจากรอยกระแทกบริเวณหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดมีการฉีกขาดหรือแตกออกเกิดเป็นห้อเลือดหรือรอยเลือดขึ้น คุณอาจจะรักษาโดยการทายาที่ช่วยให้ลดอาการห้อเลือด อาจจะทำให้อาการดีขึ้นได้ ไม่มีความจำเป็นต้องทำการตรวจรักษาด้วยวิธีอื่น ส่วนอาการท้องอืด อาจจะเกิดจากการทำงานของลำไส้ที่ไม่ปกติ ระบบการย่อยอาหารที่ไม่ปกติ จึงทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ซึ่งก็ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด อาจจะทานยาขับลม ยาช่วยย่อย ทานอาหารอ่อนๆ ทานทีละน้อยแต่บ่อยๆ มื้อ จะช่วยลดอาการดังกล่าวได้ อย่าทานอาหารใกล้เวลานอนมาก อาการดังกล่าวน่าจะดีขึ้นได้เองค่ะ |
Gj95*****6