จากประวัติที่คุณบอกมาคุณมีประจำเดือนมาในช่วงวันที่ 6 ถึง 12 สิงหาคมและช่วง 30 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน ทั้ง 2 ช่วงนี้น่าจะเป็นรอบเดือนที่ปกติดีค่ะ แต่ในวันที่ 8 กันยายนคุณได้มีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ซึ่งในวันดังกล่าวที่คุณมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่ใช่ระยะที่ปลอดภัย ถ้าไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์จึงมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ ถ้ารอบเดือนถัดไปคุณจะมาวันที่ 25 กันยายน ก็ควรสังเกตุไปก่อนตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ค่ะ ถ้าช่วงวันที่ 25 ถึง 30 กันยายนยังไม่มีประจำเดือนมาตามปกติ หมอแนะนำว่าคุณลองทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ดู ซึ่งอาจจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยยืนยันได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ แต่ถ้ารอบเดือนยังไม่มาและมีความวิตกกังวลเรื่องการตั้งครรภ์มากก็อาจจะทำการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน Free Beta hcg ไปเลยก็ได้ผลที่ได้จะมีความแม่นยำถ้าไม่พบการตั้งครรภ์ก็จะเชื่อถือได้เลยค่ะว่าไม่มีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน โดยคุณจะต้องไม่มีเพศสัมพันธ์อีกเลยหลังวันที่ 8 กันยายนผลการตรวจนี้จึงจะสามารถเชื่อถือได้แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์อีกหลังจากวันที่ 8 กันยายนผลการตรวจนี้อาจจะยังเชื่อถือไม่ได้นะคะ การตรวจเลือดเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์นั้นจะมีความแม่นยำ ถ้าได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้ว 2 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นการตรวจปัสสาวะจะมีความแม่นยำเชื่อถือได้ เมื่อได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ค่ะ ความเครียดก็อาจจะทำให้การทำงานของรังไข่ไม่ปกติและรอบเดือนมีความคลาดเคลื่อนออกไปได้เช่นกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ แล้วก็รบกวนสอบถามเพิ่มเติม คือตอนนี้มีอาการท้องป่องแบบพุงไม่ยุบลงน่ะค่ะ แต่ว่ากดแล้วไม่แข็ง แขม่วได้ปกติ ปกติเป็นคนมีหน้าท้องอยู่แล้ว อาหารกินก็ปกติ ไม่ได้มีแปลกไปจากที่เคย แต่มีอาการเหมือนเวียนๆ หัว บางวันเหมือนมีไข้ต่ำๆ แต่พอวัดอุณหภูมิก็ปกติ เข้าห้องแอร์ก็ยังหนาวเหมือนเดิม เสี่ยงเป็นอะไรได้บ้างคะคุณหมอ ตอนนี้เครียดเรื่องหน้าท้องไม่ยุบมากเลยค่ะ หรือใกล้ประจำเดือนจะมาก็ไม่แน่ใจค่ะ

อาการท้องป่องน่าจะเกิดจากลมในกระเพาะเยอะเกินไป สาเหตุอาจจะเกิดจากการทำงานของลำไส้ที่ไม่ปกติ หรือมีอาการท้องผูกจึงทำให้มีอาการท้องอืด ถ้าคุณมีการถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่น่าจะเกิดอาการท้องอืดจากการที่มีแก๊สเยอะ แต่อาจจะเกิดจากภาวะน้ำหนักตัวที่มากหรืออ้วนขึ้น อาการร้อนๆหนาวๆไม่สบายตัว อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลง ของร่างกายในช่วงที่ใกล้จะมีประจำเดือนหรือเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงถ้าอาการไม่รุนแรงมากควรสังเกตอาการไปก่อน แต่ถ้าอาการมากควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดจะได้ทราบแน่นอนว่าเกิดจากสาเหตุใดและได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปค่ะ