เนื่องจากคุณมีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก มีน้ำหนัก 83 กิโลกรัม ดังนั้น คุณจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า PCOS (polycystic ovarian syndrome) ได้ค่ะภาวะนี้มักจะพบในสตรีที่มีน้ำหนักตัวมาก โดยไขมันจะไปพอกที่ผิวรังไข่ ทำให้ผิวรังไข่มีความหนาตัวมากขึ้น เมื่อผิวรังไข่หนาก็จะทำให้การตกไข่ไม่ปกติ ไข่จะไม่สามารถตกได้เนื่องจากผิวรังไข่มีความหนาตัวมากเกินไป โดยปกติรังไข่จะมีการสร้างฟองไข่ขึ้นมาใหม่ทุกเดือน และจะพยายามตกเองทุกเดือน เพื่อที่จะทำให้มีรอบเดือนมาตามปกติ เมื่อไม่มีการตกไข่ก็จะไม่สามารถสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมาทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกสุก และหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนได้ นอกจากนี้ ฟองไข่ที่มีการสะสมกันในทุกเดือนก็จะทำให้เกิดฟองไข่อัดแน่นอยู่ในรังไข่จนทำให้เกิดลักษณะเป็นถุงน้ำที่เกาะกันแน่นอยู่ลักษณะคล้ายพวงองุ่น ฃึ่งสามารถตรวจพบได้จากการตรวจอัลตราซาวด์ และผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนาตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ถ้ารอบเดือนไม่มาตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป นอกจากนี้ ผิวรังไข่ที่หนาตัวนี้จะมีการสร้างฮอร์โมนเพศชายหรือฮอร์โมนแอนโดรเจนออกมาด้วย จะทำให้เรามีลักษณะของเพศชาย เช่น อาการสิวมาก หน้ามัน ขนดก มีหนวดเครา ขนหน้าแข้งมาก คิ้วเข้มหนาได้ ซึ่งจะเป็นลักษณะของเพศชายหรือฮอร์โมนเพศชายที่มาก การรักษาเพื่อให้ฮอร์โมนแอนโดรเจนลดลงมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนได้แก่ยาในกลุ่มที่ใช้รักษาสิว เช่น ไดแอน เป็นต้น คุณสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อควบคุมให้รอบเดือนมาตามปกติและรักษาสิวไปพร้อมกันได้ โดยการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็อาจจะต้องรับประทานยารักษาสิวควบคู่กันไปด้วย โดยพบคุณหมอทางด้านผิวหนังร่วมด้วย การรักษาอย่างยั่งยืนนั้นคุณจะต้องลดน้ำหนักตัวลงเพื่อทำให้การทำงานของรังไข่เป็นปกติและรอบเดือนเป็นปกติได้ เนื่องจากคุณมีบุตรแล้ว ดังนั้น คงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ยาก เพราะภาวะนี้ถ้าเกิดก่อนที่จะมีบุตรคุณอาจจประสบปัญหาเรื่องของการตั้งครรภ์ มีบุตรยากได้เช่นกันค่ะ ถ้าอยากให้รอบเดือนมาตามปกติและรักษาอาการฮอร์โมนเพศชายสูง ก็ให้รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดดังที่กล่าวไปแล้วถ้าสงสัยก็ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับฮอร์โมนมาทานต่อไปค่ะ

ถ้ามีอาการกดเจ็บที่บริเวณท้องน้อยมากหมอแนะนำว่าคุณควรไปรับการตรวจภายในซ้ำเพื่อดูว่ามีความผิดปกติอื่นใดหรือไม่หรืออาจมีความจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจอัลตราซาวด์ร่วมด้วยค่ะ