กระดานสุขภาพ
ใช่รอยเริมที่อวัยวะเพศไหม | |
---|---|
15 พฤษภาคม 2561 02:43:47 #1 ดิฉันเป็นเริมที่อวัยวะเพศค่ะ ทุกวันนี้ ถึงเริมจะหายไปแล้ว แต่ดิฉันยังมีอาการเจ็บปวดแปลบๆ คันบ้างยิบๆบริเวณผิวหนังรอบหัวหน่าวและแคมนอก-ใน อยู่บ้าง และบางครั้งมีอาการเพลียง่ายครั่นเนื้อคั่นตัว โดยเฉพาะเวลาอากาศเปลี่ยน และบางครั้งอาจจะมีไข้ต่ำๆ แบบนี้ถือเป็นอาการเริ่มเป็นซ้ำของเริมไหมคะ เพราะก่อนหน้าที่จะติดเชื้อเริมดิฉันเป็นคนค่อนข้างเเข็งแรงทีเดียว แล้วก็เวลามีเพศสัมพันธ์ (สอดใส่ใช้ถุงยางตลอด) จะมีรอยแดงขึ้น ไม่ใช่ตุ่มใสนะคะ เป็นแดงๆที่บริเวณรูปัสสาวะ ซึ่งบางครั้งมันมักจะขึ้นมาหลังมีเพศสัมพันธ์ปล้วหายไปเองอีกวันถัดไป อยากทราบว่า ใช่รอยกำเริบของเริมไหมคะ แล้วก็เวลาเป็นเริมซ้ำ จะมีตกขาวสีเหลืองด้วยไหมคะ ขอบคุณค่ะ |
|
อายุ: 28 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 156ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.55 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Anonymous |
15 พฤษภาคม 2561 02:50:51 #2
รูปเมื่อคืนค่ะ สองวันก่อนมีเพศสัมพันธ์กับแฟน หลังจากไม่ได้มีสักพักนึง เลยมีแผลฉีกขาดตรงฝีเย็บ แต่ที่ดิฉันสงสัยคือ รอยแดงตรงรูปัสสาวะค่ะ ใส่ถุงยางนะคะ
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
15 พฤษภาคม 2561 14:51:42 #3 จากรูปที่พบไม่ใช่ลักษณะการติดเชื้อเริมค่ะ เพราะเป็นตุ่มแดงเพียงจุดเดียวอาจจะเกิดจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณนี้หรือเกิดจากการเสียดสีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ถ้าเป็นโรคเริมลักษณะที่เห็นจะต้องเป็นตุ่มน้ำใส เมื่อตุ่มน้ำแตกออกก็จะเห็นแผลอยู่กันเป็นกลุ่ม มีลักษณะก้นแผลที่สกปรกเมื่อไปสัมผัสหรือจับต้องหรือโดนน้ำจะมีอาการเจ็บแสบมาก นอกจากนี้ อาจจะทำให้เกิดอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว หรือมีตกขาวผิดปกติร่วมด้วย จากลักษณะที่พบนั้น จึงไม่เหมือนเชื้อเริมในกรณีที่คุณเคยเป็นเริมก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำใหม่ได้ ถ้าได้รับเชื้อเพิ่มหรือเป็นช่วงที่ภูมิต้านทานของร่างกายลดำลง เช่น กำลังเป็นหวัด ไม่สบาย อ่อนเพลียหรือมีการติดเชื้อที่ระบบอื่นของร่างกาย เป็นต้น โรคเริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การสวมใส่ถุงยางอนามัยจึงเป็นวิธีที่ดีมากในการป้องกันการรับเชื้อเพิ่มและควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยวิธีออรัลเซกส์ด้วย ช่วงที่เป็นเริมคุณอาจจะมีตกขาวลักษณะผิดปกติ มีกลิ่นมีสีที่ผิดแผกไปจากเดิมได้ พยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้น โดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้ คุณควรทำร่างกายให้แข็งแรงออกกำลังกายให้สม่ำเสมอทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามปกติเพื่อที่จะไม่ให้เป็นโรคเดิมซ้ำเติมถ้ามีอาการก็สามารถทำการรักษาโดยการใช้ยากลุ่มอะไซโคเวียซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานและชนิดทาภายนอกได้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดค่ะ |
Anonymous |
16 พฤษภาคม 2561 07:10:36 #4
ขอบคุณค่ะคุณหมอ
แล้วในกรณีที่ดิฉันมีความรู้สึกปวดเจ็บแปลบๆ คันยิบๆบริเวณอวัยวะเพศล่ะคะ เป็นเพราะอะไร หลังจากที่เเป็นเริมมา ก็มีอาการนี้ตลอดเลยค่ะ เเละในบางครั้งก็รู้สึกเจ็บบริเวณคลิตอริสหรือรูปัสสาวะด้วยค่ะ ควรจะรักษาอย่างไรคะ หรืออาการนี้สามารถหายไปได้เองคะ
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
16 พฤษภาคม 2561 17:39:55 #5 อาการเจ็บคัน อาจจะเกิดจากภาวะระคายเคืองที่บริเวณ ผิวภายนอกของช่องคลอดหรือบริเวณ ช่องคลอดด้านในก็ได้เพราะอาจจะมีตกขาวผิดปกติออกมาจนทำให้เกิดอาการเจ็ยและคัน ลองทายาต้านเชื้อราและรับประทานยาลดอาการระคายเคืองอาการคัน อาการน่าจะดีขึ้นได้และจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้น โดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง จะได้หายเป็นปกติค่ะ |
Anonymous