กระดานสุขภาพ

มีเพศสัมพันธ์แบบไม่สอดใส่จะท้องหรือไม่
Mili*****a

13 มีนาคม 2561 05:20:09 #1

สวัสดีค่ะ ขอเล่าเลยนะคะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.61) เป็นวันแรกของการหมดประจำเดือนค่ะ และได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแบบไม่สอดใส่ค่ะ แต่ได้ทำออรัลเซ็กซ์ให้แฟน และแฟนก็ได้เอาอวัยวะเพศเค้ามาถูกับน้องสาวเราค่ะ จำได้ว่าไม่โดนปากช่องคลอดเลย เราก็กังวลค่ะว่ากรณีแบบนี้จะทำให้ท้องหรือเปล่า เลยไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินภายใน 72 ชั่วโมงแบบว่าจิตตกมากๆค่ะ ขอรบกวนคุณหมอด้วยนะคะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.91 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

14 มีนาคม 2561 18:06:57 #2

ยังรอคำตอบอยู่นะคะ
Haamor Admin

(Admin)

15 มีนาคม 2561 08:05:12 #3

สวัสดีค่ะ บางครั้งคุณหมออาจติดภาระกิจ ทำให้ไม่สามารถตอบคำถามได้ทันที แต่ยังไงคุณหมอจะเข้ามาตอบแน่นอนค่ะ

ลองดูกระทู้ที่คล้ายกันก่อนก็ได้นะคะ

http://haamor.com/webboard/ห้องเพศศึกษา/41798/

Anonymous

15 มีนาคม 2561 15:08:06 #4

รอคำตอบอยู่ทุกวัน เข้ามาดูวันละหลายๆรอบเลยค่ะ
Anonymous

16 มีนาคม 2561 11:34:35 #5

คุณหมอจะมาตอบแน่นอนใช่มั้ยคะ?
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

17 มีนาคม 2561 17:50:54 #6

ถ้าไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศเข้ามาในช่องคลอดก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์ค่ะ การหลั่งภายนอก ไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ยกเว้นมีการสอดใส่ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงได้ ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แต่ถ้าคุณมีการสอดใส่ร่วมด้วยแม้จะหลั่งภายนอกก็ตาม ก็อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ได้เพราะอาจจะมีบางส่วนของอสุจิผ่านเข้าไปในช่องคลอดได้ การทานยาคุมฉุกเฉินนั้นจะช่วยป้องกันเรื่องการตั้งครรภ์ได้ด้วยค่ะโดยจะต้องทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 1 ถึง 24 ชั่วโมง ทานครั้งละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมงยาจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ยาคุมฉุกเฉินคุณอาจจะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดและรอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้ค่ะ
________________________________________

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 มีนาคม 2561 12:37:28 #7

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ แต่หากทานไปแล้วอาจส่งผลข้างเคียงของยาได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ และ ระหว่างนี้ หากยังไม่แน่ใจว่า เลือดที่ออกเกิดจากประจำเดือนหรือเป็นเลือดผิดปกติ ก็ยังไม่ควรทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไปในช่วงนี้ครับ เพราะจะทำให้สับสนได้มากหากเลือดประจำเดือนผิดปกติหรือไม่มา ดังนั้น หากในระหว่างนี้ มีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ หรือหากล่น หลุด ในช่วงมีเพศสัมพันธ์มักเกิดจากใช้ขนาดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

20 มีนาคม 2561 12:38:43 #8

ขอบคุณ คุณหมอทั้ง 2 ท่านมากค่ะ หนูขอถามต่ออีกนิดค่ะ คือหนูยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใว่เลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่แฟนเอาอวัยวะเพศมาถู หนูกังวลมากว่าจะท้องหรือป่าวแม้ไม่ได้สอดใส่ก็ตาม หนูเลยกังวลและซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทาน ตอนนี้หลังจากทานยาคุมฉุกเฉินได้ 7 วันมีอาการเลือดออกคล้ายๆมีประจำเดือนแต่น้อยกว่า ปกติหนูจะมีประจำเดือนค่อนข้างเยอะมาก ไม่ทราบว่าอันนี้เรียกเลือดประจำเดือนหรือป่าวคะ แต่อีก 20 วันถึงจะรอบที่มีประจำเดือนค่ะ แล้วหนูจะต้องซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจหรือป่าวคะ เลือดออกแบบนี้ควรไปพบแพทย์หรือไม่ /ขอบคุณ คุณหมอล่วงหน้าค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

25 มีนาคม 2561 06:05:30 #9


อย่างที่หมอกล่าวไป ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ ซึ่งจาก ที่กล่าวมา นั้น เป็นเลือด ที่เกิดจากผลของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ใช่รอบประจำเดือนปกติ ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้นอาจไม่จำเป็นนะครับ