กระดานสุขภาพ
ควรกินยาคุมยังไง ให้ไม่เสี่ยงเป็นโรคคะ | |
---|---|
8 มีนาคม 2561 07:48:50 #1 สวัสดีค่ะ ดิฉันทานยาคุมได้ประมาณ 5 เดือนติดต่อกันแล้วค่ะ (เหตุเพราะต้องการให้ประจำเดือนมาปกติ และคุมกำเนิดไปในตัวด้วยค่ะ เพราะเคยไปหาหมอมาครั้งนึง เขาให้ฮอร์โมนมาปรับ ก็ยังขาดประจำเดือนต่อๆกันหลายเดือน อีกทั้งมานิดๆหน่อยๆ ไม่ปกติ) แล้วได้ไปคุยกับเภสัชตอนซื้อยา + เจอข้อมูลในเน็ต เห็นเขาบอกว่า ถ้าทานติดต่อกันนานๆ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก และท้องนอกมดลูกได้ด้วย ก็กลัวมากเลยค่ะ โดยเฉพาะท้องนอกมดลูก เห็นบอกว่าจะเป็นยาคุมที่ให้ progestin only อะไรสักอย่าง
เลยอยากทราบว่า
ถ้าจำเป็นต้องทานยาคุม ควรทานไปเป็นระยะเวลาเท่าไร แล้วหยุด แล้วกลับมาทานใหม่คะ เคยได้ยินว่าควรทานต่อกัน 1 ปี แล้วหยุดเพื่อรอให้ปจดมาเองสักพัก พอเริ่มไม่คงที่ ค่อยทานต่ออีก 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคข้างเคียง แบบนี้ถูกไหมคะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
|
|
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.70 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Jira*****a |
11 มีนาคม 2561 05:51:39 #2
รบกวนตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
11 มีนาคม 2561 15:31:47 #3 ในกรณีที่คุณมีประจำเดือนไม่ปกติคุณสามารถรักษาโดยการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดได้ ยาเม็ดคุมกำเนิดจะประกอบไปด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตรเจนอยู่ในเม็ดเดียวกัน ซึ่งเป็นยาคุมกำเนิดทั่วไปที่ใช้รักษาอาการรอบเดือนไม่ปกติ คุณสามารถทานได้นานเท่าที่ต้องการไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่หลังจากทานยาคุมไปนานๆก็อาจจะทำให้คุณไม่มีรอบเดือนมาตามปกติได้เช่นกัน เพราะผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความบางตัวลงและปริมาณรอบเดือนก็จะลดน้อยลงด้วย ดังนั้น ในกรณีที่คุณมีอาการดังกล่าวคุณอาจจะหยุดการทานยาคุมเป็นช่วงๆ ได้ เช่นหยุดนานประมาณ 3 ถึง 6 เดือนถ้ารอบเดือนไม่ปกติก็ค่อยกลับมาคุมด้วยวิธีทานยาคุมกำเนิดใหม่ ซึ่งไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ถ้าทานยาคุมกำเนิดในอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ก็อาจจะทำให้ มีความเสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือเลือดแข็งตัวง่ายกว่าปกติได้เพราะ อิทธิพลของฮอร์โมนเอสโตรเจนจะทำให้เกิดอาการดังกล่าว สำหรับยาคุมกำเนิดอีกประเภทหนึ่งซึ่งได้แก่ยาคุมชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเพียงอย่างเดียวคือ progestin Only ยาคุมชนิดนี้เป็นยาคุมที่ใช้ในคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เราจะไม่ใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบเพราะจะทำให้น้ำนมแห้ง ถ้าลืมทานยาคุมชนิดนี้อาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติและอาจจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้โดยเฉพาะการตั้งครรภ์นอกมดลูกเพราะยาคุมชนิดนี้ประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวจึงไปออกฤทธิ์ที่ท่อนำไข่ทำให้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลงถ้ามีการปฏิสนธิเกิดขึ้นก็จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ในตำแหน่งที่ผิดปกติคือที่ท่อนำไข่ได้ สำหรับระยะเวลาในการรับประทานยาคุมนั้นก็สามารถทานได้นานเท่าที่คุณต้องการและจะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าไม่ปกติหรือรอบเดือนผิดปกติก็กลับมาทานฮอร์โมนได้ไหมเช่นกันค่ะ |
Jira*****a |
13 มีนาคม 2561 13:01:13 #4 อ่อ คือยาคุมประเภทที่เป็น progestin only เป็นอันที่เอาไว้ให้เฉพาะคุณแม่ที่ให้นมบุตรเท่านั้น พวกที่ทานๆกัน ไดแอน แยสมิน อะไรพวกนี้ที่หนูซื้อมาทานคือเป็นอีกประเภท ถูกไหมคะ
สงสัยอีกเรื่องนึงค่ะ คือว่า สมมติเดือนนี้หนูมีอะไรกับแฟน (ใส่ถุงยางป้องกัน) แล้วพอดีว่า ปจด.ไม่มาในช่วง 7 วันที่เว้นยาคุม ควรทำยังไงต่อคะ ควรทานยาคุมแผงของเดือนต่อหน้าเลย หรือว่าควรเว้นยาคุมของเดือนหน้า แล้วไปซื้อพวกที่ตรวจครรภ์มาตรวจเผื่อไว้ |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
15 มีนาคม 2561 06:59:39 #5 ยาคุมประเภทฮอร์โมนเดี่ยวหรือมีโปรเจสตินเพียงอย่างเดียวที่เราเรียกว่า progestin Only เป็นยาคุมสำหรับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะยาคุมชนิดนี้ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ จึงไม่มีผลในเรื่องของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ยาคุมชนิดนี้อาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติกระปิดกระปอยได้ ส่วนยาคุมยี่ห้อไดแอน ยัสมิน เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม คือมีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ การทานยาคุมชนิดนี้อาจจะยับยั้งการหลั่งโปรแลคติน ทำให้ไม่มีการสร้างน้ำนมหรือน้ำนมลดน้อยลงได้ ในกรณีที่คุณทานยาคุมเป็นเวลานาน ช่วงที่หยุด 7 วันเพื่อให้ประจำเดือนมาอาจจะไม่มีรอบเดือนมาได้เพราะผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความบางตัวมาก ซึ่งเกิดจากการรับประทานยาคุมเป็นเวลานาน จึงไม่มีเลือดออกมาให้เห็น เมื่อหยุดยาครบ 7 วันคุณสามารถเริ่มทานยาคุมแผงถัดไปได้เลย อย่าหยุดยา ยาจะได้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณมีการสวมใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยก็จะยิ่งมั่นใจได้ว่า ไม่ควรมีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนค่ะ ทั้งนี้ถุงยางจะต้องไม่มีรูรั่วมีการสวมใส่และถอดออกอย่างถูกวิธีด้วยค่ะ |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
17 มีนาคม 2561 09:27:55 #6 เรียน คุณ Jirada, ขอแยกตอบตามประเด็นคำถามนนะครับ 1. ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานมีมากมายหลายชนิดนะครับ แต่แบ่งประเภทใหญ่ ๆ คือ 1.1 ยาคุมกำเนิดทั่วไป ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตก โดยแบ่งเป็นชนิดฮอร์โมนรวม (มีทั้ง 21 เม็ดและ 28 เม็ด) ซึ่งต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง 21 วัน และเป็นช่วงที่ปลอดจากฮอร์โมนยา 7 วัน โดยที่ประจำเดือนจะมามากหรือน้อยแล้วแต่การพิจารณาคัดเลือกยาให้เหมาะสมกับรูปร่างและรูปแบบการมีประจำเดือน (ซึ่งจะบ่งบอกคร่าว ๆว่าเป็นผู้ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือ ฮอร์โมนโปรเจสตินเด่น) และชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดียว ๆ ซึ่งต้องรับประทานยาติดต่อกันทุกวัน ข้อดีคือปริมาณฮอร์โมนต่ำ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในหญิงให้นมบุตร 1.2 ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งหาซื้อได้ง่าย มักนำไปใช้ผิด ๆ ในทางการแพทย์ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ จะใช้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดปกติได้ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม (จากการใช้งานผิดวิธี*)
จากกลไกข้อที่ 2 จะเพิ่มความเสี่ยงในการที่ตัวอ่อนจะเดินทางมาฝังตัวที่ผนังมดลูก เมื่อตัวอ่อนไปฝังตัวที่ท่อนำไข่ ซึ่งมีความบาง ขนาดเล็ก และขยายตัวได้น้อย จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกจนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ กลับมาที่คำถามของคุณ การรับประทานยาคุมกำเนิดนั้น ที่มีการเก็บข้อมูลที่นานสุด คือรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง 12 ปี โดยไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง หรืออันตรายต่อสุขภาพอื่น แต่อย่างไรก็ตามในทางการแพทย์ หากไม่ต้องการมีบุตรนานเกิน 5 ปี แพทย์จะสอบถามถึงความต้องการมีบุตรต่อไป อาจแนะนำให้ทำหมันไปเลยจะดีกว่าครับ เพื่อจะได้ไม่ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็ฯ และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายค่ายาด้วย ดังนั้น สามารถรับประทานยาได้อย่างต่อเนื่องนะครับ เนื่องจากเมื่อรับประทานยาครบแผง ยาก็จะถูกกำจัดไปจากร่างกายอยู่แล้ว ไม่ได้มีการสะสมข้ามเดือน ข้ามปีแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีการศึกษาข้อมูลผลการใช้ยาระยะยาวแล้วนั้น อย่างไรก็ตามต้องมีการตรวจร่างกายกับแพทย์เป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้ทราบถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยอื่น ๆที่ไม่ใช่ยาคุมกำเนิด เช่น จากอาหาร (สารแปลกปลอม สารปนเปื้อน สารพิษ) อากาศ หรือปัจจัยอื่น เช่น จากกรรมพันธุ์ หรือการทำงานที่ต้องสัมผัสสารเคมี เป็นต้น
|
Jira*****a