กระดานสุขภาพ
ท้องมั้ยคะ | |
---|---|
22 กุมภาพันธ์ 2561 17:37:18 #1 ประจำเดือนเริ่มมา 14 มกรา หลังจากนั้นได้มีเพศสัมพันธ์วันที่ 20 มกรา โดยไม่ใส่ถุงยางและหลั่งนอก หลังจากนั้นได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชม.เม็ดแรก และเม็ดที่ 2 ตามเวลาที่กำหนด หลังจากนั้นได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางและหลั่งนอกตั้งแต่ 21-24 มกรา และประจำเดือนมาอีกครั้งวันที่ 28 มกรา จนเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ปกติประจำเดือนจะมากลางๆเดือน ตอนนี้ยังไม่มาเลยค่ะ จะท้องมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 73 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.48 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Maya*****e |
24 กุมภาพันธ์ 2561 17:29:16 #2
เพิ่มเติมนะคะ มีเพศสัมพันธ์แค่ 1 ครั้งต่อวันค่ะ
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
26 กุมภาพันธ์ 2561 03:38:33 #3 ในกรณีที่คุณไม่ได้สวมถุงยางและมีการหลั่งภายนอกโดยสามารถหลั่งภายนอกได้ทัน วิธีนี้จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แม้ว่าการหลั่งภายนอกนั้นจะเป็นวิธีการตั้งครรภ์ ที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะถ้ามีการหลั่งมาก่อนหน้านี้ อาจจะมีบางส่วนของอสุจิ ค้างอยู่ในท่อปัสสาวะ และอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้หรือ ถ้าถอนอวัยวะเพศออกมาไม่ทันอาจจะมีบางส่วนอาจจะ มีบางส่วนของอสุจิเล็ดลอดเข้าไปทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคุณได้มีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธีโดยถ้าภายใน 24 ชั่วโมงแรกเป็นจำนวน 2 เม็ดตามเวลาที่กำหนด ดังนั้น ยาจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอน การที่มีรอบเดือนมาแล้ววันที่ 28 มกราคม น่าจะเป็นผลมาจากการทานยาคุมฉุกเฉิน นอกจากนี้การทานยาคุมฉุกเฉินจะทำให้รอบเดือนมีความคลาดเคลื่อนออกไปได้ ตอนนี้ถ้าวิตกกังวลเรื่องการตั้งครรภ์มาก หมอแนะนำว่าคุณควรตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ด้วย ถ้าไม่พบการตั้งครรภ์ก็น่าจะเชื่อถือได้เพราะเป็นการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 1 เดือน คุณสามารถทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจน เพื่อให้รอบเดือนมาตามปกติได้ ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดค่ะ สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันที่ 21 ถึง 24 มกราคมนั้น ถ้ามีการหลั่งภายนอกได้ทัน ก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามวิธีนี้ เป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะถ้าฝ่ายชายมีการหลั่งมาก่อนหน้าที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคุณ อาจจะมีบางส่วนของอสุจิค้างอยู่ในท่อปัสสาวะและทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้วิธีนี้ ควรสวมถุงยางอนามัยจะดีที่สุดค่ะ |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
3 มีนาคม 2561 19:33:44 #4 ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ โดยอาจทาน 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ อาจทานพร้อมกัน 2 เม็ด เลยก็ได้หากกังวลว่าจะลืม ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดไม่แตกต่างกันนะครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ส่วนการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆนั้น ไม่ควรอย่างย่ิงครับ เนื่องจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้วยังทำให้โอกาสเลือดออกผิดปกติและตั้งครรภ์นอกมดลูกมากขึ้นได้ครับ หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นควรใช้เมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับ ไม่ควรมาใช้บ่อยๆ เพราะ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้ว ยังทำให้เลือดประจำเดือนผิดปกติได้อีกครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ |
Anonymous