อาการปวดท้องด้านล่าง ไม่ว่าจะด้านขวาหรือซ้าย เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่เท่าที่คุณเล่ามาน่าจะเกิดจากอาการท้องผูกคือถ่ายออกไม่หมด เวลามีอุจจาระค้าง ลำไส้ใหญ่จะพยายามบีบตัวเพื่อขับอุจจาระออกไป จึงทำให้มีอาการปวดได้ ให้สังเกตุว่าถ้าอาการปวดท้องดีขึ้นหลังจากผายลมหรือถ่ายออกไป ก็เป็นจากท้องผูกค่ะ

การรักษาเรื่องท้องผูก

• 1. ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร
• 2. เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ออกกำลังกายยิ่งดี
• 3. กินผัก ผลไม้ ให้เพียงพอ แต่จะมีผลไม้บางชนิดที่กินแล้วลมเยอะไม่ควรกินช่วงปวดท้องเช่นมะม่วง แตงโม แอปเปิ้ล กระเทียม หัวหอม หรือผักสด
• 4. ใช้ยาระบายช่วยให้ถ่ายสิ่งที่ค้างในลำไส้ออกไปให้หมด แนะนำยาระบายชนิดน้ำเช่น MOM (milk of magnesia)

ส่วนสาเหตุอื่นๆที่อาจจะเป็นได้คืออวัยวะในช่องท้องด้านขวาล่างเช่น รังไข่ ปีกมดลูก ท่อไตด้านขวา กล้ามเนื้อหน้าท้อง ซึ่งจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไป

โดยสรุป ลองรักษาท้องผูกดูก่อนค่ะ ถ้าไม่หายแนะนำให้กลับไปพบแพทย์เพิ่มเติมอีกครั้ง

อาการชา ต้องตรวจร่างกายดูค่ะว่าชาจริงๆ (ชาที่ผิดปกติคือรับความรู้สึกไม่ได้บริเวณที่ชา) หรือเป็นแค่ความรู้สึกเฉยๆ ถ้าอาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆหรือเป็นตลอดเวลาหรือมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย แนะนำให้ไปตรวจกับแพทย์โรคระบบประสาทเพื่อยืนยันอีกครั้งค่ะ

อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตก หรืออาจจะมีติ่งเนื้อผิดปกติที่ปากมดลูก ถ้ายังมีเลือดออกผิดปกติอยู่ได้เรื่อยๆ ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจภายในจะได้ดูว่ามีติ่งเนื้อผิดปกติที่ปากมดลูกหรือไม่ที่ทางการแพทย์เรียกว่า polyp จะได้รับการรักษาโดยการเด็ดติ่งเนื้อออก แต่ถ้าไม่พบความผิดปกติการตรวจอัลตราซาวด์จะช่วยในการประเมินเรื่องของรังไข่ได้ แพทย์จะได้รักษาโดยการใช้ฮอร์โมนต่อไปเพื่อควบคุมให้ประจำเดือนมาเป็นปกติไม่มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดค่ะ