กระดานสุขภาพ
มีเลือกออกช่องคลอดกระปิดกระปอย | |
---|---|
21 ตุลาคม 2560 05:00:29 #1 ทานยาคุมมาทั้งหมด6แผง(ยาคุมชื่อมินนี่)แร้วเลิกทานเหมาะกับประจำเดือนหมดในวันที่9ของเดือนนี้ยาคุมก็หมดแผงพอดีแล้วคิดว่าจะหยุดยาแล้วเริ่มทานยาคุมยี่ห้ออื่น พอผ่านมาถึงวันที่15 (มีเพศสัมพันธ์กับแฟนปล่อยใน)พอตกตอนเย็นจะไปอาบน้ำเห็นเหมือนมีตกขาวสีน้ำตาลออกมาไม่มีกลิ่นเหม็น มีไม่มากพอติดกกน.ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมาก แล้ววันที่16เริ่มกินยาคุมเม็ดแรกของมาร์วีลอนแบบ28 พอตอนเช้าวันที่17เหมือนมีมูกใสๆสีน้ำตาลปนเลือดออกมาไม่มากเหมือนประจำเดือนแต่จะเห็นตลอดเวลาไปปัสสาวะไม่มีกลิ่นเหม็นไปหาหมอ หมอให้ตรวจการตั้งครรภ์ผลออกมาก็ไม่ได้ตั้งครรภ์หมอเลยให้ยาปรับฮอร์โมนมาทานแต่ยังไม่ได้เริ่มทานค่ะ วันที่18-20ไม่มีเลือดออกมาแต่มีแค่ตกขาวสีใส บางทีก็เป็นสีนมข้นบ้างไม่มีกลิ่นแล้วคืนวันที่20มีอะไรกับแฟนไม่ได้ปล่อยในพอตื่นเช้ามาวันที่21มีเลือดสีแดงสดออกมาจากช่องคลอดไม่มากเท่าไร จะเป็นไรไหมค่ะช่วยตอบทีค่ะไม่สบายใจเลยค่ะขอบคุณนะค่ะ |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.09 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Kapo*****o |
21 ตุลาคม 2560 05:27:26 #2
แล้วก็อเริ่่มมีสีเหมือนเลือดเสียค่ะสีน้ำตาลหน่อยๆค่ะใส่ผ้าอนามัยก็ม่ได้ไหลออกเยอะออกแค่นิดเดียว แต่พอเอากระดาษทิชชูเช็ดออกก้อเห็นออกยุพอสมควร
|
Kapo*****o |
21 ตุลาคม 2560 05:45:50 #3
ระหว่างทีเป็นก็ไม่มีอาการปวดท้องหรืออาการอย่างอื่นแทรกซ้อนเลยค่ะ
|
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
23 ตุลาคม 2560 15:40:57 #4 ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ โดยอาจทาน 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ อาจทานพร้อมกัน 2 เม็ด เลยก็ได้หากกังวลว่าจะลืม ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดไม่แตกต่างกันนะครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ส่วนหากไม่ได้ทานไป ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ ซึ่งหากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่หมอกล่าวไปแล้วปกติดี ไม่ตั้งครรภ์ ในระหว่างนี้ที่ยังไม่แน่ใจว่า เลือดที่ออกเกิดจากประจำเดือนหรือเป็นเลือดผิดปกติ ก็ยังไม่ควรทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไปในช่วงนี้ครับ เพราะจะทำให้สับสนได้มากหากเลือดประจำเดือนผิดปกติหรือไม่มาอย่างเช่นในกรณีนี้ อย่างไรก็ตามหมอคิดว่า อาจสังเกตอาการเรื่องเลือดออกไปก่อนได้ครับ หากยังไม่มาในช่วงรอบประจำเดือนที่ควรจะมาแล้วอาจไปปรึกษาสูตินรีแพทย์อีกครั้งครับว่ายังจำเป็นต้องทานยาปรับฮอร์โมนนะอยู่หรือไม่ครับ เนื่องจากการให้ยาปรับฮอร์โมนนั้น จะต้องคิดว่า สาเหตุเกิดจากภาวะไม่ตกไข่ หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติครับ ส่วนในเรื่องตกขาวนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นควรใช้เมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับ ไม่ควรมาใช้บ่อยๆ เพราะ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้ว ยังทำให้เลือดประจำเดือนผิดปกติได้อีกครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ |
Kapo*****o |
24 ตุลาคม 2560 04:12:03 #5
คุณหมอค่ะแล้วที่มีเหมือนประจำเดือนออกมาจะเกี่ยวกับที่หนูกินยาคุมไม่ต่อเนื่องไหมค่ะ หยุดยาคุมตอนที่ประจำเดือนหมดพร้อมกับยาคุมก็หมดพอดีอ่ะค่ะประจำเดือนหายล่าสุดวันที่8/10/60แล้วก็มาเป็นอีกวันที่21-24/10/60ตอนแรกคิดว่าจะมีแค่เลือดออกนิดหน่อยแต่ตอนนี้เริ่มมีเหมือนประจำเดือนเลยค่ะ
|
Kapo*****o |
24 ตุลาคม 2560 04:17:41 #6
เริ่มกินยาคุมมาร์วีลอนวันที่16เม็ดแรกจนถึงวันที่24ก็ยังกินยุจะเป็นไปได้ไหมค่ะที่อาจจะเป็นปจด.2ครั้ง
|
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
24 ตุลาคม 2560 17:07:15 #7 อย่างที่หมอกล่าวไป สาเหตุของเลือดประจำเดือนผิดปกตินั้น มีได้หลากหลายนะครับ แต่จากที่กล่าวมา หากทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไม่สม่ำเสมอก็เป็นสาเหตุของเลือดกะปริดกะปรอยได้ครับ ส่วนหากหลังหยุดทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนั้น ช่วงแรกๆ คือ 1-3 เดือนแรกนั้น อาจไม่มีการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ มากะปริดกะปรอยได้ครับ แต่หากหยุดมาเกิน 3 เดือนแล้วประจำเดือนยังมาไม่เป็นรอบอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ |
Kapo*****o |
29 ตุลาคม 2560 13:39:58 #8
แต่พอผ่านมาหลายๆวันแล้วกลายเป็นว่าเป็นประจำเดือนค่ะแต่มาตั้งแต่วันที่21-29/10/60แล้วค่ะ เป็นแล้วทั้งหมด9วันแล้วค่ะกลุ่มใจมากเลยค่ะจะเป็นอันตรายไหมค่ะคุณหมอ
|
Kapo*****o