กระดานสุขภาพ

ท้องหรือไม่ และควรไปตรวจกับแพทย์ไหมคะ
Pcrt*****k

30 กันยายน 2560 14:30:33 #1

แฟนนำอวัยวะเพศ(ช)มาจ่อไว้ด้านหน้าอวัยวะเพศ(ญ)ของเราค่ะ

แต่ยังไม่ได้นำเข้าไปและไม่มีอะไรหลั่งออกมา(24/09/2017)

เพื่อความสบายใจ วันถัดมา(25/09/2017)เลยไปซื้อยาคุมฉุกเฉินซึ่งทานภายในระยะเวลา24ชม.ค่ะ

วันนี้(30/09/2017)ประจำเดือนเรามาค่ะ แต่ปวดท้องมากผิดปกติ(แต่เคยปวดระดับนี้มาก่อน) มีอาการคลื่นไส้เล็กน้อย และมีอาการอื่นๆตามอาการทั่วไปของคนเป็นประจำเดือน 

อยากทราบสาเหตุของอาการประจำเดือนค่ะ ว่าการปวดมากกว่าปกติ(แต่เคยปวดระดับนี้มา) มีสาเหตุมาจากยาคุมฉุกเฉินหรืออาการปวดประจำเดือนโดยทั่วไปของแต่ละบุคคลหรืออาจมีผลจากการตั้งครรภ์หรือไม่ ส่วนอาการคลื่นไส้ เป็นผลมาจากยาคุมฉุกเฉินหรือกิจวัตรที่ไม่ดีต่อสุขภาพ(นอนดึก,ทานอาหารไม่ตรงเวลา/fastfood)หรือผลการตั้งครรภ์ แต่อาการคลื่นไส้นี้พอดื่มน้ำเข้าไปซักพักจะเรอและผายลมค่ะ ซึ่งก็ทำให้อาการคลื่นไส้หายไปค่ะ

อาการที่เป็นอยู่เหล่านี้จะตั้งครรภ์หรือไม่คะ ควรไปพบแพทย์เพื่อความสบายใจ หรือเช็คความผิดปกติภายในอื่นๆหรือไม่คะ

อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Pcrt*****k

30 กันยายน 2560 14:34:05 #2

เพิ่มเติมนะคะ ประจำเดือนที่มาในวันแรกนี้(30/09/2017) มีสีเข้มและมากกว่าปกติของวันแรกที่เป็นค่ะ

Oshi*****u

30 กันยายน 2560 20:04:42 #3

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ

อ่านได้ที่

http://haamor.com/webboard/ห้องเพศศึกษา/38314/

ยาคุมฉุกเฉินคือฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนในขนาดสูง หลังทานยา ยาจะไปออกฤทธิ์ที่บริเวณผนังเยื่อบุโพรงมดลูกทำให้มีความไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อนและทำให้เกิดการลอกหลุดของผนังเยื่อบุโพรงมดลูกออกมาเป็นประจำเดือนหรือเป็นเลือดที่ออกผิดปกติทางช่องคลอด อย่างไรก็ตาม ไม่เสมอไปที่สตรีที่ทานยาทุกคนจะต้องมีเลือดออกผิดปกติบางรายก็อาจจะไม่มีเลือดออกมาก็ได้และอาจจะทำให้รอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้เช่นกัน ดังนั้น จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าถ้ารอบเดือนไม่มาหรือไม่มีเลือดออกผิดปกติใน 7 วันจะต้องมีการตั้งครรภ์ ในกรณีที่คุณทานยาอย่างถูกวิธีก็ขอยืนยันว่าไม่ควรตั้งครรภ์ ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งเกินไปด้วย เช่น ใช้เกิน 1 หรือ 2 ครั้งต่อเดือน เพราะจะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์นอกมดลูก คุณสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติไม่มีข้อห้ามในการกินแต่อย่างใด ในกรณีที่เกิดอาการไม่สบายหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินคุณสามารถรักษาร่างกายได้ตามปกติ เพราะไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพในการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลงไป ในกรณีที่คุณไม่มั่นใจเรื่องการตั้งครรภ์ก็สามารถตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ได้หลังจากมีเพศสัมพันครั้งสุดท้ายไปแล้วนาน 3 สัปดาห์หรือ 21 วันเพราะจะเป็นช่วงที่สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้แน่นอนที่สุดด้วยการตรวจปัสสาวะ โดยปกติแล้วอสุจิจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 1 วันในช่องคลอดและไข่จะอยู่ได้ประมาณ 2 วัน หมอคิดว่าได้ตอบคำถามคุณหมดแล้วในเรื่องของการออกฤทธิ์ของยาคุมฉุกเฉิน และอายุของอสุจิและไข่ ถ้าคุณไม่เข้าใจก็ค่อยสอบถามมาใหม่ค่ะ

อ่านได้ที่

http://haamor.com/webboard/ห้องเพศศึกษา/38577/

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 ตุลาคม 2560 18:06:21 #4

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ แต่หากทานไปแล้วอาจส่งผลข้างเคียงของยาได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ และ ระหว่างนี้ หากยังไม่แน่ใจว่า เลือดที่ออกเกิดจากประจำเดือนหรือเป็นเลือดผิดปกติ ก็ยังไม่ควรทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไปในช่วงนี้ครับ เพราะจะทำให้สับสนได้มากหากเลือดประจำเดือนผิดปกติหรือไม่มาครับ

ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

ในเรื่องอาการปวดประจำเดือนนั้น โดยปกติแล้วอาการปวดนี้จะมีได้อยู่แล้วในผู้หญิงทุกคนในทุกๆรอบเดือนครับ แต่อาการนี้จะไม่ปวดมาจนทำให้ทำงานหรือดำเนิดชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ย่ิงหากเดิมไม่เคยปวดเช่นนี้มาก่อน และ หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ประจำเดือนมามากทั้งปริมาณและจำนวนวันหากเทียบจากเดิมที่เคยเป็น หรือมีอาการ กะปริดประปรอย อ่อนเพลีย หรือ ใช้ยาแก้ปวดมาก ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ หรือหากล่น หลุด ในช่วงมีเพศสัมพันธ์มักเกิดจากใช้ขนาดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ