กระดานสุขภาพ
แผลที่บริเวณช่องคลอด | |
---|---|
8 กันยายน 2560 04:46:01 #1 รบกวนปรึกษาคุณหมอค่ะ พึ่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับแฟนค่ะ (ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย) เลือดออกเยอะมาก รู้สึกเหมือนจะมีแผลที่บริเวณช่องคลอดบริเวณใกล้ๆ เกือบรูทวารค่ะ หลังจากนั้น 2-3 วันมีตกขาวเยอะมาก เป็นสีเหลือง มีกลิ่น และคัน เลยซื้อยา T.M. Dazole มาทาน 3 วัน อาการคันดีขึ้นค่ะ แต่แผลยังไม่หายค่ะ แผลมีลักษณะเป็นวงแดง มีฝ้าขาวตรงกลาง ตอนนี้พยายามรักษาความสะอาดด้วยการใช้น้ำเกลือซับทำความสะอาด สามารถใช้เบตาดีนทาแผลให้หายเร็วขึ้นไหมคะ เพราะตอนนี้ไม่มีอาการคันแล้ว แต่ยกคงมีคราบเหลืองเปื้อนชุดชั้นในทุกวันเลยค่ะ ผ่านมา 11 วันแล้ว แต่ยังคงเจ็บแสบแผลมากค่ะ ซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทาน (มีเพศสัมพันธ์กลางคืน ทานยาตอนเย็นของวันถัดไป)แต่ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ จะมีสิทธิท้องไหมคะ ตอนนี้มีอาการคลื่นไส้ วูบ หน้ามืดค่ะ |
|
อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Anonymous |
8 กันยายน 2560 12:36:04 #2
แผลเป็นแบบนี้ค่ะ
|
Anonymous |
9 กันยายน 2560 19:24:47 #3
อัพเดตอาการนะคะ
มีอาการปัสสาวะแสบขัด ไม่คัน ตกขาวสีเหลืองอ่อนๆ แต่มีอาการปวดแผล รู้สึกระบม เดินลำบากมากค่ะ เจ็บไปหมด ไม่ใช่เฉพาะช่องคลอดอย่างเดียวแล้วค่ะ รู้สึกเจ็บไปหมดเลยค่ะ ;-;
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
10 กันยายน 2560 16:06:20 #4 จากรูป คุณน่าจะมีการติดเชื้อ ไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเริม จะทำให้เกิดรอยโรคมีลักษณะเหมือนแผลร้อนใน ช่วงแรกจะเป็นตุ่มน้ำใสเมื่อตุ่มน้ำแตกออกจากเห็นก้นแผลมีลักษณะสกปรก เมื่อไปสัมผัสถูก โดนน้ำ หรือปัสสาวะจะมีอาการเจ็บแสบบริเวณแผลมาก คุณอาจจะมีไข้ต่ำๆ มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่สบาย เหมือนมีไข้หรือมีการติดเชื้อไวรัสในตัว การรักษาจะต้องใช้ยากลุ่มต้านไวรัสได้แก่ อะไซโคลเวียร์ ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทาน ทานวันละ 5 มื้อ หรือรุ่นใหม่ก็จะทาน 2 มื้อต่อวัน ทานนานประมาณ 7 วันและมียาทาภายนอก เพื่อป้องกัน ไม่ให้แผลลุกลามออกไป การรักษาจะช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคได้ดีมากกว่าการไม่รักษา และควรรักษาคู่นอนร่วมด้วย ถ้าคู่นอนมีแผลอักเสบคล้ายๆกันค่ะ แต่ถ้าไม่แน่ใจการวินิจฉัย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไปค่ะ |
Anonymous |
10 กันยายน 2560 18:00:59 #5
เป็นโรคเรื้อรังตลอดชีวิตไหมคะ ;-;
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
11 กันยายน 2560 19:27:56 #6 ภาวะดังกล่าวไม่ใช่โรคเรื้อรังสามารถรักษาหายได้ แต่อาจจะกลับเป็นซ้ำได้ในอนาคตถ้าคุณมีภูมิต้านทานร่างกายที่ลดลง สภาพร่างกายไม่แข็งแรง และมีการรับเชื้อเพิ่ม ดังนั้น ถ้ายังไม่พร้อมมีบุตรตอนนี้ก็ควรสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ จะช่วยป้องกันการรับเชื้อเพิ่มเติมได้ค่ะ |
Anonymous