กระดานสุขภาพ
ปรึกษาอาการ ประจำเดือน และการตั้งครรภ์ | |
---|---|
13 มกราคม 2560 04:57:01 #1 (ปกติเป็นคน ปจด. มาไม่ปกติอยู่แล้ว 30 – 42 หรือ เว้นเดือน คร่อมเดือน ฯลฯ) 20 พ.ย. 59 มี พสพ / 22 กินยาคุมฉุกเฉิน ประจำเดือนมาล่าสุด 29 พ.ย. 59 – 3 ธ.ค. 59 () มี พสพ 14 ธ.ค. 59 (สวมถุงยาง ตั้งแต่แรก) *ที่เป็นแบบนี้ เพราะ อ้วน เพราะ ยาคุม เพราะ ความเครียดได้หรือไม่ และ การใช้ที่ตรวจครรภ์ ห่างจาก พสพ 27 วัน สามารถใช้ตรวจได้แล้วหรือไม่ |
|
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 68 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
15 มกราคม 2560 15:41:01 #2 การตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์สามารถเชื่อถือได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 3 สัปดาห์ ถ้าเป็นการตรวจเลือดก็ปรพมาณ 12 วันหรือ 2 สัปดาห์ ซึ่งการตรวจเลือดเพื่อทดสอบหาฮอร์โมน hCG ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์จะมีความแม่นยำสูงสุด อย่างไรก็ตามจากประวัติที่คุณบอกมาไม่ควรตั้งครรภ์ เลือดที่ออกมาในช่วง 29 พย เป็นผลมาจากการทานยาคุมฉุกเฉิน และคุณมีการสวมถุงยางในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งถัดไปจึงไม่ควรตั้งครรภ์ การที่รอบเดือนไม่มาน่าจะเป็นผลมาจากการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติ เช่น ไม่มีไข่ตก หรือเป็นกลุ่มอาการถุงน้ำที่รังไข่ที่เรียกว่า PCOS (ยolycystic ovarian syndrome) ซึ่งจะพบได้ในสตรีที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะไข่จะไม่สามารถตกได้ตามปกติ เพราะผิวรังไข่มีความหนาตัวมากจากไขมันที่ไปสะสมที่ผิวรังไข่ เมื่อไข่ไม่ตกก็จะไม่มีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนมาเปลี่ยนผนังเยื่อบุโฑรงมดลูกให้สุกและลอกหลุดออกมาเป็นประจำเดือน ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนาตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ารอบเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือนก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ จึงคสรทานยาให้รอบเดือนมา ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ก็คือฮอรืโมนโปรเจสโตรเจน ทานนาน 7-10 วัน รอบเดือนก็จะมาได้ หรือจะทานเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดก็ได้ จะได้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ไปด้วย สามารถปรึกษาเภสัชกรตามร้านขายยาหรือมาพบแพทย์เพือ่รับการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อวินิจฉัยภาวะนี้และรับฮอร์โมนไปทานด้วยก็ได้ การลดน้ำหนักตัวลงจะทำให้รอบเดือนมาเป็นปกติได้ค่ะ |
Anonymous