กระดานสุขภาพ
ขอสอบถามครับ มีเชื้อ Ureaplasema parvum ครับ | |
---|---|
14 พฤศจิกายน 2559 08:35:11 #1 สวัสดีครับ คุณหมอ ผมได้รับการตรวจ เพาะเชื้อแบบ pcr แล้วปรากฎว่า พบ เชื้อ Ureaplasma parvum น่ะครับ อยากสอบถามว่ามันคือเชื้ออะไร อันตรายไหม ทำไมถึงติดมาได้ ผมไมได้เทียว ไม่ได้มั่ว และป้องกัน กับคู่นอน คนเดียวทุกครั้งครับ คุณหมอเจ้าของไข้ สั่งจ่าย ยา Vibramycin 100mg ให้ทานเป็นเวลา 14 วัน แล้วไม่ได้นัดอะไรต่อ ไม่ทราบว่าทานหมดแล้ว ต้องตรวจใหม่หรือไม่ หรือว่า เชื้อมันจะหายไปเองเลย กังวลมากๆครับ ที่ผมมาตั้งถามเพราะตอนหมอแจ้งผล ผมตกใจมาก คิดคำถามอะไรไม่ออกเลย เดินไปรับยาแบบงงๆ กลับบ้านเพิ่งจะมามีคำถามในหัว หาข้อมูลจากอินเตอรเนต ก็ไม่ค่อยมีใครติดเชื้อตัวนี้เท่าไหร่ มีแต่ ของต่างประเทศอ่านไม่เข้าใจเลยครับ
ปล Trichomonas Vaginalis , Mycoplasma hominis, Mycoplasma genitalium, Chlamydia trachomatis, Neisseria gonorrhoeae, ureaplasma urealyticum ไม่พบ ( Not detected) ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ |
|
อายุ: 31 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 72 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.51 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
15 พฤศจิกายน 2559 10:17:29 #2 ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่พบเชื้อ ureaplasma parvum นั้น เชื้อตัวนี้ถือว่าเป็ยเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินปัสสาวะ ส่วนจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน มีทั้งข้อมูลที่บ่งชี้ว่าสามารถติดต่อได้แต่ก็มีบางการศึกษาที่ไม่พบว่ามีการติดต่อ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปเมื่อพบเชื้อนี้ ควรจะรักษา ยาที่แนะนำจะเป็นยาในกลุ่ม erythromycin กินครั้งละ 500 มิลลิกรัมวันละ 4 ครั้งนาน 2 อาทิตย์ หรือยา azithromycin 250 มิลลิกรัม กินครั้งแรกทีเดียว 4 เม็ด แล้วกินครั้งละ 2 เม็ดเช้าเย็นต่ออีก 5-7 วัน และควรจะรักษาแฟนด้วย ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะ |
Heer*****5