กระดานสุขภาพ

ญาณทิพย์ต่อ....
Anonymous

10 พฤศจิกายน 2556 05:57:23 #1

ดิฉันตั้งกระทู้ใหม่ เพราะกระทู้เก่ามันเยอะแล้ว ...........

ดิฉันอยากให้หมอช่วยเคลียร์ปัญหาต่างที่คาใจให้หน่อย ดิฉันไม่รู้ว่าจะถามใครที่มีความรู้และไว้ใจได้ ดิฉันไม่ไว้ใจหมอที่รักษาตัวเองตอนนี้ อีกอย่างคนไข้เยอะหมอไม่มีเวลาที่จะฟังเรื่องยุ่งๆวุ่นวายสับซ้อน อยากให้หมอตอบดิฉันทีละคำถาม

ดิฉันอยากเคลียร์สมองตัวเองให้เข้าใจให้ถูกต้อง

เรื่องญาณทิพย์ ตอนแรกคิดว่าการที่เรามีญาณเป็นเรื่องดีเราสามารถคัดกรองคนจริงใจกับไม่จริงใจได้ ถ้าดิฉันไม่บอกใครก็ไม่มีใครรู้ และถ้ามีคนรู้ญาณทิพย์จะเสื่อม กลัวญาณทิพย์เสื่อม จนเมื่อมิถุนาปี 54 ดิฉันถูกกดดันจากคนรอบข้างให้ไปสอบตำรวจและเรื่องราวหลายอย่างรุมเร้า จนดิฉันกลายเป็นคนที่อยากอยู่คนเดียวแบบสุดๆขังตัวเองอยู่ในห้องเปิดไฟ ร้องให้ทั้งวัน เครียดจัดไม่อาบน้ำอาบท่า เป็นอยู่ 2 อาทิตย์ ไม่มีสมาธิขั้นสุด ทำงานไม่ได้หรือแม้แต่ขี่มอเตอร์ไซด์ ต้องใช้ความพยายามสูงมากกว่าจะทำงานได้ ดิฉันคิดว่าจะไปโรงพยาบาลจิตเวชประจำจังหวัด แต่เพื่อนบอกว่าให้ไปปรึกษากับพี่ที่อนามัยก่อน เพราะพี่เค้าได้รับการอบรมมาจากโรงพยาบาลจิตเวชประจำจังหวัด ดิฉันคิดมากไปเอง พี่เค้าบอกว่า ดิฉัน "burn out"

คำถามที่ 1. "burn out" คืออะไร 

พี่เค้าอธิบายต่างๆนาๆว่าสารเคมีในสมองเป็นอย่างงั้นอย่างนี้ ตอนเด็กดิฉันถูกเพื่อนเหยียดสีผิว เข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่ม ถูกเพื่อนรังเกียจ รังแก ไม่ให้เข้ากลุ่ม เราไม่ชอบไปโรงเรียนและมักอ้างว่าตัวเองป่วย ตอนเด็กๆดิฉันคิดว่าของดีของสวยๆน่ารัก ไม่ควรซื้อมันไม่เหมาะกับคนดำๆ เป็นคนที่สังคมไม่ต้องการ จนวันหนึ่งดิฉันเห็นเพื่อนคุยกัน ก็คิดว่าเพื่อนด่าว่าเหยียดหยามตัวเอง วิ่งไปตบตีเพื่อน ทุกคนเข้ามาห้าม แล้วก็บอกว่า ไม่มีใครว่าอะไรดิฉันเลย... พอเพื่อนดิฉันเริ่มโต ทุกคนก็ยอมรับและยอมให้เข้ากลุ่ม แต่กว่าทุกคนจะเข้าใจ ดิฉันก็อ่วม ดิฉันเข้าใจว่าตอนเด็กดิฉันอาจซึมเศร้าแล้วไม่ได้รักษา   พี่พยาบาลเค้าว่า "ไมม่มีอะไรหรอกเป็นเรื่องเด็กๆนะ"

คำถามที่ 2.สิ่งที่ดิฉันเป็นวัยเด็กส่งผลกระทบกับตัวเองในปัจจุบันใหมค่ะ

ดิฉันออกมาจากอนามัย ถึงตรงประตู ญาณทิพย์บอกกับดิฉัยว่า พี่ที่อานามัยคิดไม่ดีกับดิฉันอยู่ ดิฉันกลับไปเพราะลืมบัตรประชาชน เห็นพี่เค้าหัวเราะ ก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง...ดิฉันโทรไปหา 1323 เพราะคิดว่ตัวเองซึมเศร้า คำตอบคือ "อุ๊ย!รู้ตัวด้วยอ่ะว่าตัวเองซึมเศร้า" แอบหัวเราะ แล้วให้คำแนะนำ

คำถามที่ 3. คนที่ คนที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วยหรือค่ะ

เราไม่กล้าไปโรงพยาบาลใหญ่ เพราะกลัวโดนหัวเราะกลัวไปหมดทุกอย่าง จนพี่ที่อานามัยไปเจอแม่ดิฉัน แม่ก็ว่าเดี่ยวนี้ดิฉันเปลี่ยนไปมาก พี่เค้าบอกแม่ว่า ดิฉัน "ระบายความเก็บกดวัยเด็ก" ดิฉันก็ดีใจนึกว่าอะไรเสียอีก

คำถามที่4. ถ้าวัยเด็กเราเก็บกดไม่ได้ระบายจะมาระบายตอนโตหรือค่ะ

เวลาที่ดิฉันมีปัญหาปรึกษาใครลำบากเพราะทุกคนมักคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก  แม่เป็นคนที่ว่าถ้าลูกร้องให้แบบไม่มีเหตุผลก็จะด่าให้เงียบ ถ้าไม่เงียบแม่จะเป็นฝ่ายร้องให้เอง ความจริงก็มีเหตุผลนะค่ะ แต่ทุกคนเห็นเป็นเรื่องเล็ก เพื่อนเอาหนังสือมาให้อ่านเกี่ยวกับ การเข้าใจตัวเอง กลไกทางจิต และก็หนังสือจิตบำบัด 

คำถามที่ 5. ดิฉันเข้าใจว่าการทำจิตบำบัด ต้องทำโดยผู้ที่มีความรู้ ดิฉัน reframe ตัวเองไม่ได้ใช่ใหมค่ะ ที่ดิฉันดีขึ้นเพราะดิฉันอุปทานไปเองหรือค่ะ

6เดือนผ่านไปญาณทิพย์น้อยลง ทั้งที่ตอนเราเศร้ามันคอยซ้ำเติมเรา ค่อยบอกเราเสมอว่ามีคนคิดไม่ดีกับเรา  จนนานๆครั้งเป็นที และเริ่มสงสัยว่าเราหลงผิดหรือเปล่าแถมอาการเศร้าก็ไม่ได้เศร้ามากด้วย คิดว่าตัวเองระบายความเก็บกดวัยเด็กออกหมดแล้ว....แต่ใครจะเชื่อเรา อุ๊ย!รู้ตัวด้วยเหรอว่าตัวเองหลงผิด55555

คำถามที่ 6.คนเราถ้ามีอาการหลงผิดแล้วไม่ได้กินยา จะหายได้เองใหมค่ะ หรือว่าเป็นไปไม่ได้

 

แค่นี้ก่อนนะค่ะ...ยังมีต่อ เรื่องมันยาวคุณหมอตอบไปเรื่อยๆจะเข้าใจเอง

 

อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 77 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

10 พฤศจิกายน 2556 10:43:10 #2

หมอไม่ต้องตอบแล้วล่ะค่ะ เปลี่ยนใจแล้ว ดิฉันเบื่อที่จะต้องมานั่งหาความจริง ป่วยจริงหรือเปล่าทำใมใครต่อใครทำท่าทางแปลกๆทุกครั้งที่ไปหาหมอเหมือนตัวเองเข้าห้องจับเท็จ ทุกคนพูดกรอกหูว่า เราคิดมาก ดูเหมือนไม่มีใครอยากช่วย ตกลงแล้วฉันป่วยจริงหรือเปล่า ถ้าฉันไม่ป่วยแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ฉันนั่งพุทโธ ตลอดชีวิตไม่ได้ เวลาที่เราไม่รู้เรื่องอะไรเราก็โดนหลอก พอเรารู้ที่หลังก็กลายเป็นคนโกหก คนอวดรู้ เวลาไปหาหมอต้องทำตัวยังไง พูดความจริงก็ไม่เชื่อ หลอกถามก็จับได้ ที่นักจิตหงุดหงิดรำคาญฉันเป็นเพราะฉันคิดไปเองว่าตัวเองป่วยเหรอ.....ที่ให้ยากินเพราะปัดรำคาญหรือเปล่าอยากกินนักใช่ใหม กินๆแล้วไปให้พ้นๆ ดื้อด้านอยากป่วยจนตัวซีดตัวสั่น  เรื่องที่ฉันพูดมันไม่มีในตำราเหรอ ฉันไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น สับสน

ฉันคิดซ้ำไปซ้ำมา ฉันป่วยหรือเปล่า อะไรที่บอกว่าฉันป่วย หรือว่าฉันไม่ป่วย ฉันแค่คนเก็บกดเหรอ ถ้าฉันไม่ป่วยแล้วทำใมกินยาแล้วดีขึ้น ป่วย ไม่ป่วย ป่วยไม่ป่วย  

พอเถอะ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก จะลืมมันไปให้หมด

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ไม่อยากได้ความช่วยเหลือแล้ว

Haamor Admin

(Admin)

11 พฤศจิกายน 2556 03:05:53 #3

เรียน คุณ 95757

ไม่ทราบว่าคุณ 95757 ยังต้องการยกเลิกคำถามที่จะปรึกษาคุณหมอหรือไม่คะ รบกวนช่วยตอบยืนยันอีกครั้ง เพื่อที่ทีมงานจะได้เรียนให้คุณหมอรับทราบนะคะ

ขอบคุณคะ

Anonymous

11 พฤศจิกายน 2556 08:47:49 #4

 

ยืนยันยกเลิกคำถามค่ะ

Haamor Admin

(Admin)

11 พฤศจิกายน 2556 15:55:42 #5

เรียน คุณ 95757

รับทราบคะ แต่หากในอนาคตคุณ 95757 มีเรื่องที่ต้องการปรึกษาคุณหมอ ก็สามารถแจ้งเข้ามา หรือตั้งกระทู้คำถามต่อได้เลยนะคะ ทีมคุณหมอทุกท่านยินดีให้คำปรึกษาคะ

ขอบคุณที่แจ้งเข้ามาคะ

Anonymous

9 ธันวาคม 2556 11:12:11 #6

ขออนุญาติเรียนคุณหมอช่วยตอบคำถามข้างบนด้วยค่ะ ต้องการที่จะเคลียร์สมองตัวเองข้อมูลมันล้นจนจับต้นชนปลายไม่ถูกและไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดี

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

18 ธันวาคม 2556 06:07:53 #7

ความคิดและอารมณ์ของคุณกำลังสับสน โดยเฉพาะความรู้สึกไม่ไว้ใจคนอื่นที่มันกำลังทำให้คุณไม่สบายใจอยู่ในขณะนี้ ปัญหาแบบนี้การพบจิตแพทย์จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ

สำหรับคำถามต่างๆ ผมขอตอบดังนี้ครับ

1. อาการที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่อาการของ "Burnout" ครับ
"Burnout" เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกับคนที่ทุ่มเทให้กับงานในความรับผิดชอบแบบสุดๆ จนเกิดความล้าชนิดไปต่อไม่ไหวแล้ว เพราะพลังกายและพลังใจได้ถูกใช้ออกไปจนหมดจนไม่สามารถระดมออกมาได้อีกต่อไป แต่ใจมันก็ยังห่วงงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ อาการที่พบมักจะเป็นความรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ กังวลว่างานจะเสียหาย รู้สึกว่าเป็นความผิดที่ตนเองไม่สามารถหอบสังขารลุกขึ้นไปทำงานอีกได้
ในกรณีของคุณน่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ซึมเศร้ามากกว่า

2. เรื่องราวในวัยเด็กมีผลไหม?
ประสบการณ์ที่ผ่านมา และการเรียนรู้มีผลต่อความคิดพฤติกรรมของคนเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ

3. คนที่กำลังซึมเศร้า จะรู้ว่าตนเองกำลังเศร้าครับ แต่คนที่มีอาการหลงผิด หรือคนที่ป่วยเป็นโรคจิตจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหลงผิดหรือกำลังป่วยอยู่ อีกอย่าง โรคซึมเศร้า กับ โรคจิต เป็นคนละโรคกันครับ แต่ก็มีโรคซึมเศร้าบางชนิดที่มีอาการหลงผิดเกิดร่วมได้

4. เป็นได้ครับถ้าเรื่องราวที่เกิดกับเราตอนเด็กๆ มันฝังใจเรามาก เราก็จะวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องเดิมๆ นี้

5. ในการทำจิตบำบัด สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นก็คือ ผู้ป่วยจะต้องมีความเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง เข้าใจว่าปัญหาเรื่องความคิด อารมณ์ หรือการกระทำต่างๆ ของตัวเองมีสาเหตุมาจากอะไร ความเข้าใจนี้จะนำมาสู่การวิเคราะห์หาทางออกหรือวิธีในการแก้ปัญหา การที่ผู้ป่วยพิจารณาปัญหาต่างๆ ของตัวเองเพียงลำพัง โดยไม่มีจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาชี้แนะ โอกาสที่จะเกิดการมองตนเองในแง่ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเป็นไปได้สูง และเมื่อเป็นเช่นนี้การแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เราถึงต้องใช้นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ในการทำจิตบำบัดครับ

6. อาการหลงผิดต้องแก้ไขด้วยยาเท่านั้นครับ

 

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

Anonymous

21 ธันวาคม 2556 09:55:44 #8

ดิฉันไปหาหมอ ....เจอนักจิตเค้าบอกกับดิฉันว่ามันเป็นแค่กลุ่มอาการณ์ ทำแบบคัดกรองภาวะซึมเศร้า มีภาวะซึมเศร้าระดับ ปานกลาง ดิฉันถามนักจิตว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 เดือนนั้นคืออะไร เค้าบอกว่าบางทีสารเคมีในสมองของเราก็เสียสมดูลได้ "สรุปว่าปกติ?" "ใช่ปกติ" ดิฉันแปลกใจ"มันเป็นความปกติที่ทรมาณสุดๆเลย" พี่เค้ารำคาญก็เลยนัดหมอให้ 10วัน เจอหมอ ....

วันนั้นเป็นวันที่ดิแนปกติมาก แล้วหมอก็คุย "ช่วงนี้เราเป็นไง"

"ปกติ" หมอเค้างงๆประมาณว่าปกติแล้วมาทำใม

"คืออย่างนี้ค่ะ มันเริ่มเมื่อเดือน มิถนา54 แล้วดีขึ้น เมื่อ ธันวา 54 กินเวลา 6เดือน ......(ก็เล่าเรื่องเมื่อ6เดือนนั้นไป) คือดิฉันเห็นคนในอินเตอร์เน็ตเค้าเป็น อารมณ์แปรปรวนก่อนประจำเดือนมา ตัวดิฉันเองเวลาเศร้ามากๆเอาแต่นั่งร้องให้เครียดจัดขังตัวเองในห้อง น้ำท่าไม่อาบ ไส่เสื้อผ้าซ้ำๆ จนตัวเองเป็นโรคผิวหนัง ตัวเดียว 4-5วัน เวลาอารมณ์ดีก็ดีสุดๆอะไรนิดอะไรหน่อยก็ขำ...ดูแลตัวเองดีสุดๆ หลังจาก 6เดือนแล้วก็อาบน้ำอาบท่าปกติ แต่ก็มีเศร้าบ้างก่อนประจำเดือนมา "

"รู้ใหมว่า อาบน้ำแล้วจะดีขึ้น"

"รู้ค่ะเพื่อนไล่ให้ไปอาบ...แม่ก็บ่นๆๆ ก็รับปากไปงั้นๆแล้วก็ไม่อาบ อ้อ!วันที่ไปสอบตำรวจดิฉันอาบน้ำ(แต่ไม่เปลี่ยนชุดชั้นใน)"

"เราใช้เงินเปลื้องใหม"

"ไม่เปลื้องค่ะ"หมอคุยกับ น.ศ.ที่มาด้วยแล้วว่า "โรคจิต affective อาการไม่ชัดเจน" บอกตรงๆว่าดิฉันตกใจ "ที่เราขังตัวเองในห้องนี่เราประท้วงพ่อแม่หรือเปล่า"

"ใช่ค่ะ ขี้งอนค่ะ" หมอเลยสรุปว่า ventilation

ดิฉันสงสัย อะไรคือโรคจิตafftive ในอินเตอร์เน็ต ได้ข้อมูลมาว่า โรคจิตอารมณ์แปรปรวน บางรายหายเองได้ภายใน4-6 เดือน อันนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันเข้าใจผิดใช่ใหมค่ะ ข้อมูลผิดพลาดใช่ใหมค่ะ

ดิฉันลองเล่าอาการให้จิตแพทย์ในอินเตอร์เน็ตฟัง หมอว่าอาจเป็นไบโพล่าร์ บางรายอาการอาจดีขึ้นได้เองแต่ใช้เวลานาน แต่ต้องกินยาป้องกันยาควบคุมอารมณ์

ดิฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไบโพล่าร์ ดิฉันโกรธพี่ที่อานามัยมาก โกรธตัวเองด้วย อ่านแล้วเคืองและสงสัยมากๆค่ะ

  1. ไบโพล่าร์ จะเข้าสู่ระยะปกติได้โดยไม่กินยา ได้ใหมค่ะ
  2. ไบโพล่าร์ กินยา 1-2 เดือนก็จะเป็นปกติเลย ใช่ใหมค่ะ (6เดือนกับ2เดือนมันเทียบกันไม่ได้เลย)
  3. โรคจิตที่เกิดจากอารมณ์แปรปรวน กับ ไบโพล่าร์ เหมือนกันหรือเปล่าค่ะ
  4. ถ้าเราอารมณ์อารมณ์เป็นปกติ อาการทางจิตก็หายไปด้วยใช่หรือเปล่าค่ะ
  5. หูแว่วก่อนตื่นนอนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ใช่หรือเปล่าค่ะ

อรบกวนคุณหมอแค่นี้ก่อนค่ะ คือดิฉันมีข้อมูลในหัวเยอะ แต่ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริงนะค่ะ

Anonymous

21 ธันวาคม 2556 09:57:27 #9

ขอโทษนะค่ะที่อ่านยาก ดิฉัน จัดแล้วแต่ออกมาเป็นอย่างนี้ได้ไงไม่รู้
นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

22 ธันวาคม 2556 03:39:51 #10

โรคอารมณ์แปรปรวน(Affective Disorder) เป็นคำรวมใช้เรียกกลุ่มโรคที่มีความผิดปรกติทางอารมณ์ ครับ ซึ่งในกลุ่มนี้ก็จะมี Bipolar Disorder, Unipolar Disorder เป็นต้น
การรักษาโรคเหล่านี้ต้องใช้ยาเป็นหลักครับ และต้องใช้เวลาในการรักษาด้วย เมื่อโรคทุเลา อาการซึมเศร้า หูแว่ว ประสาทหลอนจะหายไป อาการเหล่านี้เกิดจากโรคครับ

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

Anonymous

22 ธันวาคม 2556 03:46:11 #11

การไปหาหมอก็ไม่ทางออกที่ดีเสมอไปหรอกค่ะ  พูดตรงว่า 

1.นักจิตดุ ไม่เป็นมิตร ดิฉันไม่กล้าถามอะไรเค้า นักจิตบิดเบือนข้อมูลที่ดิฉันให้ เช่น บอกว่ากินยา ฟูล๊อคแล้วไม่ดีขึ้นกลับมาโศกเศร้าง่ายร้องให้บ่อย ทำงานหนักและทำงานดึก ก็โดนพูดจากระแทก "โอ๊ย!จะทำงานทำใมหนักหนา พักซะบ้างเ๊ถ๊อะ....."  แล้วเขียนว่าเครียดเรื่องงานเล็กน้อย เคยเอาไดอารี่ให้นักจิตดูเพื่อแสดงตัวว่าเราจริงใจ ไม่โกหก   เห็นเค้าเขียนว่า เริ่มมี Dellusion ทั้งๆที่ ระบุวันที่ว่า 30 กันยา 54 หมอเลยวินิจฉัยว่า โรคพัฒนาจาก วิตกกังวลเป็นไบโพล่าร์

2.หมอโกหก ....ในประวัติคนไข้เขียนว่า  General  Anxiety disorderแต่หมอบอกว่าโรค  "ใจเศร้า" นักจิตบอกว่าไม่ให้พูดถึงอาการเก่า พูดถึงแต่อาการปัจจุบัน

3.ดิฉันโน้มน้าวใจให้หมอคิดว่าดิฉันป่วยเป็นไบโพล่าร์...(แต่เล่าเรื่องจริง)..เพียง.เพราะดิฉันกินยาฟลูล๊อคแล้วไม่ดีขึ้น หงุดหงิดดมโหง่ายเขวี้ยงข้าวของเหวี้ยงบ้านแทบแตกเพราะหลานแหย่เล่น ครอบครัววุ่นวาย ดิฉันหยุดยาเอง

4.ดิฉันไม่แน่ใจว่าที่ดิฉันทาน sodiem valproate แล้วดีขึ้น เป็นเพราะตัวเองอุปทานไปหรือเปล่า เพราะนักจิตดูรำคาญเรา กิน 500 mg แต่หาย เค้าว่าเราโกหกหรือเปล่า

บอกตามตรงว่าอยากเปลี่ยนหมอ .....ดิฉันอยากจะให้มีเวลาคุยกับหมอและนักจิตมากพอ ดิฉันจะยอมรับคำวินิจฉัยทุกอย่างเพียงแค่หมอเชื่อเรื่องที่ดิฉันพูด มันอาจจะไม่ตรงกับที่หมอเรียนมา แต่ดิฉันจริงใจ  อยากอธิบายให้ฟังเป็นขั้นตอน ไม่ใช่ว่า คุยกันขำๆกับนักจิต หรือว่าหงุดหงิดใส่ โดยที่ดิฉันไม่รู้ว่า มันคืออะไร และต้องมาตามหาคำตอบเอาเองแบบนี้ ดิฉันเครียด

ดิฉันพึ่งใครลำบาก  ไม่ค่อยมีใครพูดดีกับดิฉัน

ดิฉันเศร้าซึมอยู่ 2 อาทิตย์ ฟื้นตัวมาได้ ขอแม่ว่าอย่าเอาเด็กมาอยู่ไกล้  สิ่งที่ได้คือ "ทำใมอยากฆ่าตัวตายเหรอ ทำไปเลยเลือดก้อนเดียวตัดทิ้งได้"

 เพื่อน "ยาก็ได้กินแล้วจะเศร้าหาพระแสงอะไรอีก"

        "พวกแกชอบพูดจาแรงๆใส่เวลาฉันแย่ มีความสุขมากใช่ใหมที่ได้ด่าฉัน  เวลาพวกแกเศร้าฉันทำอย่างนั้นกับพวกแกเหรอ"

        "ฉันเตื่อนแกแล้วใช่ใหมว่า นุ(คนไข้จิตเภท)ตายยังไง แกบอกเค้าว่ากินยาแล้วไม่ดีขึ้นเค้าพูดยังไงกับแก ซะใจใหม"

นักจิต "จะบอกให้นะ ยาตัวเนี๊ยะมันไม่ทำให้เธออ้วนหรอก...หึ (sodiem valproate)" ดิฉันอาจเข้าใจผิด แต่พูดกับดิฉันดีๆไม่ได้เหรอ

 

ตอนนั้นจิตนาการบรรเจิด วางแผนไว้ว่า จะกินยากันชัก ให้ไปออกฤทธิ์ ดิ้นตายต่อหน้าหมอ แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ เรากำลังจะตายให้ใครก็ไม่รู้ดู ดูน่าสังเวธ  อีโก้ ยังดีอยู่ใช่ใหมค่ะ ไม่ต้องรักษาดิฉันก็เลยไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่า ไบโพล่าร์ รักษาอย่างไร จากวารสารจิตแพทย์ อดทนกินยาให้ครบตามที่เราคิดไว้ ครั้งสุดท้ายที่เจอหมอ ดิฉันบอกหมอไปว่าตัวเองไม่เป็นไร สบายดี  เพราะไม่อยากเจอใครที่นั้นอีก 

หมอว่าสถานะการแบบนี้ดิฉันควรทำอย่างไร

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

24 ธันวาคม 2556 09:47:13 #12

ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับ เพราะดูอะไรๆ มันไม่เข้าที่เข้าทางไปซะแทบจะทุกอย่าง อดทนหน่อยนะครับ
และที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือ ความคิดของคุณยังสับสนอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นผลเนื่องมาจากโรคที่คุณกำลังเป็น ทางที่ดีที่สุดก็คือ การร่วมมือกับหมอในการรักษาตัวเองครับ

 

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

Anonymous

23 มกราคม 2557 08:12:02 #13

ดิฉันได้เล่าอาการให้จิตแพทย์ทางอินเตอร์เน็ตฟัง และเล่าอีกว่า เวลาเศร้าจัดๆดิฉันกระตุกเป็นพักๆ(กระตุกทั้งตัวและรู้ตัวด้วย),มวลกระดูกติดลบ ,เลือดจาง ,เคยมีอาการหัวใจเต้นช้าอยู่ช่วงหนึ่ง หมอแนะนำให้ไปตรวจไทรอยด์ด้วย ไปตรวจแล้วผลออกมาปกติ หมอกายส่งไปหาจิตเวช ไม่เจอหมอแต่เจอนักจิต นักจิตถามว่า

"ทำใมถึงคิดว่าตัวเองป่วย,แล้ววันนั้นได้ยินหมอพูดว่าอะไร"

"อ้อ!ได้เล่าอาการให้จิตแพทย์ทางอินเตอร์เน็ตฟัง หมอว่าดิฉันอาจเป็นไบโพล่าร์แต่ให้ดิฉันตรวจไทรอยด์ด้วยเพราะอาการคล้ายกัน, แล้ววันนั้นดิฉันได้ยินหมอพูดว่าโรคจิตAffective ตกใจเลยบอกหมอไปว่าตัวเอง ขี้งอน"

นักจิตเค้าอมยิ้มขำอะไรกันไม่รู้แล้วก็บอกว่า

"ข้อมูลโรคไบโพล่าร์ในอินเตอร์เน็ตเป็นข้อมูลเก่า...เราจะไม่พูดถึงอาการเก่าจะพูดถึงแต่อาการปัจจุบัน" ดิฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ทำแบบคัดกรองภาวะแมนเนีย ก็คิดว่าก็คงเป็นข้อมูลเก่าอย่างเค้าว่าแบบคัดกรองดูโบราณ

"แต่หมอบอกว่าต้องกินยา บางรายอาการอาจดีขึ้นได้เองแต่ใช้เวลานาน".................."ตอนนี้เราอยู่ในภาวะวิตกกังวล" แล้วนัดหมอให้ พอเจอหมอก็เล่าอาการปัจจุบัน แต่ก็แอบเล่าอาการเก่าด้วย หมอเลยบอกว่าเป็น เคมีในสมองไม่เท่ากัน มาตอนหลังดิฉันเห็นในประวัติคนไข้เขียนว่า general anxiety disorder ดิฉันถามหมอว่าตกลงแล้วดิฉันเป็นโรคอะไร หมอตอบว่า "โรคใจเศร้า" เพื่อนปลอบใจดิฉันว่า เป็นโกหกสีขาว ...okดิฉันเข้าใจ ดิฉันลองหาข้อมูลดู อ็อ!มีอาการอย่างน้อย 5-6 เดือน ก็กินยาต่อ(ฟลูล๊อค) แต่กินแล้วไม่ดีขึ้น  เลยตัดสินใจว่าจะคุยกับหมอให้รู้เรื่อง 

ดิฉันเล่าอาการใหม่หมด อาการเก่าอาการใหม่เล่าหมด ยิงคำถามเป็นชุด burn out คืออะไร ,ระบายความเก็บกดมีจริงใหม, ไบโพล่าร์ต้องกินยาตลอดชีวิตจริงใหม,หมอไม่ตอบแต่ถามกลับว่า

"เรื่องพวกนี้ใครเป็นคนบอกคุณรู้มาจากใหน หมอในอินเตอร์เน็ตที่ว่า ชื่ออะไร? หมอรู้จักหรือเปล่า"

"รู้มาจากเจ้าหน้าที่ หมอในอินเตอร์เน็ตชื่อ......หมอต้องรู้จักแน่เพราะอยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเหมือนกัน"

หมอบอกว่าจะเปลี่ยนยาให้ยาเก่าไม่ถูกกับโรค...หมอจัดยากันชัก 500mg. กินได้ 3-4 อาทิตย์รู้สึกดีขึ้นมาก จากที่คิดว่าตัวเองปกติดี แต่นี่ดีกว่าและดีขึ้นเรื่อย...นักจิตพูดดีกับดิฉันมากขึ้นแต่่ ...ดิฉันรู้สึกว่าถูกจับผิด

"ยังหูแว่วอยู่อีกใหม..ริดสีดวงหายหรือยัง"  ...........

"หูแว่วก่อนตื่นนอน แค่ 1-2 ครั้งตอนเป็นใหม่ๆ นอกนั้นก็ไม่เป็น..ริดสีดวงหายแล้ว" นักจิตยิ้ม แล้วส่ายหัว ?????แล้วดึงเอากระดาษในแฟ้มประวัติให้ นักจิตอีกคนอ่าน "พี่ได้ยินแล้วใช่ใหม"  "ได้ยินแล้ว" อ้าวมานั่งตั้งแต่เมื่อไร่ ดักฟังเหรอเนี๊ยะ "อืม!รู้แล้ว"  รู้แล้ว?????? ดิแันเข้าไปคุยกับหมอแล้วออกมารับใบนัด เจอนักจิตอีกคน 

"ขอหมอหยุดยาเหรอ ทำใมล่ะไม่อยากกินแล้วเหรอ"

"พ่อกับแม่เป็นเบาหวาน ตัวเองเป็๋นกลุ่มเสี่ยง ยากินแล้วอ้วน"

"จะบอกให้นะ ยาเนี๊ยะทำให้กินข้าวเยอะ ไม่ได้ทำให้อ้วน" ดิฉันเข้าใจผิดงั้นเหรอ ก็ห้องยาเค้าถามว่าน้ำหนักขึ้นเยอะใหม  ดิฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเลยเอาประวัติมาดู เขียนว่า "ไม่มีหูแว่ว"?????ก็ถูกแล้วนี่ หมอเคยบอกว่าอาการหูแว่วก่อนตื่นนอน อาจเจอได้ในภาวะปกติ ดิฉันเริ่มระแวง หรือว่า เป็นยาหลอก แล้วยารักษาริดสีดวง ดาฟอน เค้าทำเป็นยาหลอกด้วยเหรอ หมอโกหกหรือเปล่า คราวที่แล้วหมอโกหก คราวนี้ให้นักจิตมาจับผิดดิฉันหรือเปล่า...ที่ให้ยาเพิ่มนี่paradoxเราหรือเปล่าเนี๊ยะ..เครียด....โทรหา1323 แนะนำว่า "ให้เชื่อหมอ"......ดิฉันก็ยังเครียดอยู่ดี ดิฉันคิดซ้ำไปซ้ำมา...ข้อมูลในสมองเยอะ

เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ....ดิฉันไปเจอตำราโรคไบโพล่าร์....ตอนนี้ดิฉันเชื่อหมอแล้ว...และเข้าใจทุกอย่าง

ครั้งสุดท้ายที่เจอหมอ ....ดิฉันคิดซ้ำไปซ้ำมา   "เอายาแก้คิดซ้ำ"   "ไม่กิน"  "หมอแนะนำให้กินยาต่อ"  "ไม่กิน"

"ดิฉันอยากเคลียร์สมองตัวเอง  1323เค้าบอกว่า คนเป็นซึ้มเศร้าจะไม่รู้ตัวว่าซึ้มเศร้า เหรอค่ะ? "

"รู้ตัวสิ...."  "หลงผิดไม่หายเองใช่ใหมค่ะ "   "ต้องกินยา"   "ตกลงไม่กินยาแล้วใช่ใหม"  "ไม่กิน"  "ไม่กินก็ไม่กิน"

ดิฉันเดินออกไปได้ยิน น.ศ.ถามว่า "ทำใมไม่ให้ยาครับอาจารณ์"....."คนไข้ full insighTเค้าไม่กินก็ไม่ต้องบังคับ"

 

คำถามสุดท้ายจริงๆ full insight คืออะไร ........

 

 

Anonymous

24 มกราคม 2557 11:38:32 #14

 บางทีอาจจะสะกด fool insight แบบนี้ก็ได้...........เฮ้อ

คุณadminไม่ต้องส่งคำถามให้หมอตอบแล้ว เหนื่อยใจ บางทีการที่ เราไม่ขอความช่วยเหลือใครอาจเป็นทางออกที่ดีแล้วพึ่งตัวเอง ดิฉันกลับไปหาหมอไม่ได้แล้วจริงๆ