กระดานสุขภาพ

ญานทิพย์
Anonymous

9 มิถุนายน 2556 04:53:07 #1

ตัวเองเป็นคนที่ชอบนั่งสมาธิ แล้วบังเอิญว่านั่งไปนั่งมาแล้วเห็นแสงสว่าง ไม่ได้เห็นนรกสวรรค์ หรือ ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆหรอกนะค่ะ พอเห็นแสงสว่างแล้วสดุ้ง ตกภวังอย่างรุนแรง ออกจากสมาธิกระทันหัน มันรู้สึกชาไปทั้งตัว ตั้งแต่นั้นมา

เกิดอาการแปลก หัวใจเต้นช้า รู้สึกเหมือนมีคนคิดร้ายๆกับตัวเอง อย่างเช่น เวลาอยู่ในห้องสมุดจะรู้สึกว่ามีคนคิดไม่ดีคิดอกุศลกับตัวเอง หันซ้ายหันขวาเค้าก็นั่งอ่านหนังสือกันปกติดี ลองดูนาฟิกา 10.15 มีคนโพสต์ด่าเราในอินเตอร์เน็ตเวลานั้นเป๊ะเลย เราพยายามพิสูจน์หลายหนก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริง......แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเราอาจจะหลงผิดหรือเปล่า อาการดังกล่าวมันรบกวนชีวิตประจำวัน ไปใหนมาใหนเราก็รู้สึก จนเราเครียด แต่มันเป็นอยู่ 6 เดือนแล้วหายเอง

ในช่วง 6 เดือนที่ว่ามันก็มีอาการอย่างอื่นด้วย รู้สึกเศร้าๆอยู่ตลอดเวลาเศร้าจนไม่อยากอาบน้ำอาบท่า 4-5 วันอาบน้ำที  แต่บางทีก็อารมณ์ดีอะไรนิดอะไรหน่อยก็ขำ.....แล้วมีอาการที่คิดว่าตัวเองมีญาณทิพย์อยู่ด้วย ตอนแรกคิดว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวนเพราะประจำเดือน pmdd แต่ไม่มีอาการทางร่างกายเลย ไปหาหมอ หมอถามแปลกๆ ถามว่าเราใช้เงินเปลื้องหรือเปล่า  ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับอารมณ์แปรปรวนก่อนประจำเดือนมาเลย ....เห็นหมอคุยปรึกษากับ น.ศ ว่า..โรคจิต affective..ด้วยหรือเปล่า..อาการไม่ชัดเจน  ตกใจรีบบอกหมอไปว่าเราขี้งอนต่างๆนาแล้วรีบกลับ ตกใจ 

อยากรู้ว่า โรคจิตaffectiveคืออะไร โรคจิตถ้าไม่ได้กินยาจะหายเองได้หรือ

โรคจิตaffective ชนิดผสม กับbipolar ตัวเดียวกันใหม ค่ะ

ตอนนี้เราก็ปกติดี คงไม่เป็นไรก็มันหายเองนี้เนอะ คิดมากไปเองหรือเปล่า

 

อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 78 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

10 มิถุนายน 2556 15:11:06 #2

เอาเรื่องคำถามเกี่ยวกับโรคก่อนนะครับ

Affective Disorder หรือที่คนชอบเรียกกันว่า โรคจิต Affective เป็นความผิดปรกติทางอารมณ์ชนิดหนึ่ง มี 2 ลักษณะคือ แบบ Bipolar Type กับ Unipolar type
แบบ Bipolar มักจะมีอาการอารมณ์ครึกครื้น สนุกเป็นหลัก แต่บางช่วงก็จะสลับเป็นอารมณ์เศร้าได้ ส่วนแบบ Unipolar จะมีแต่อาการซึมเศร้า ทั้งสองแบบอาจมีอาการหลงผิด หูแว่ว ประสาทหลอนได้
โรคนี้เกิดจากความผิดปรกติของสารเคมีบางอย่างในสมอง และเป็นโรคที่รักษาได้ครับ

ส่วนเรื่องอาการที่คุณเล่ามา มันมีอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยอยู่นะครับ อยากให้คุณไปพบจิตแพทย์ และถ้าหมอคนที่ดูแลคุณอยู่เป็นจิตแพทย์อยู่แล้วก็ยิ่งดีครับ

 

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

Anonymous

11 มิถุนายน 2556 09:52:14 #3

คุณหมอที่ดูแลดิฉันอยู่เป็นจิตแพทย์ค่ะ  ตัวดิฉันเองก็สงสัยค่ะ สงสัยมากด้วย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

Anonymous

4 กันยายน 2556 06:47:14 #4

ขอถามอีกสักอย่าง คือตอนนี้ดิฉันรู้สึกปกติดี .....คือเมื่อ ประมาณปี 49 ตอนนั้นดิฉันทำงานโรงงานเข้ากะ และนอนน้อยมาก หลังจากเข้ากะกลางคืน ตอนกลางวันแทนที่จะนอนก็วิ่งไปโน่นไปนั่นกับเพื่อน เพื่อนบอกให้ไปนอนก็บอกเพื่อนไปว่าเราเป็นคนแข็งแรงไม่จำเป็นต้องนอนมาก ...จนระบบการนอนเสียบางที่ 3-4 วันไม่นอนเลยก็มี คือดิฉันก็ดูเหมือนคนปกติไม่ได้อาลาวาดอะไร ผ่านมาก็หลายปี ระบบการนอนก็กลับมาเป็นปกติแล้ว นี่เป็นอาการเมเนียหรือเปล่าค่ะ แล้ว 6 เดือนคือการเป็นซ้ำหรือเปล่าค่ะ

ดิฉันอยากให้หมอตอบดิฉันก่อน  ดิฉันกำลังไม่มั่นใจอะไรบางอย่างอยู่

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

4 กันยายน 2556 15:41:26 #5

การไม่นอนเลย 3-4 วัน แล้วไม่รู้สึกเพลียหรือง่วงเลยเป็นไปได้ครับว่าอาจเป็นอาการของแมเนีย

ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณยังพบหมอสม่ำเสมออยู่หรือเปล่า โรค Bipolar Disorder ต้องรักษาต่อเนื่องนานทีเดียว ในบางรายอาจต้องกินยาเพื่อป้องกันการกำเริบของโรคด้วย เพราะโรคนี้บางทีมันก็กลับมาเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้นการพบหมออย่างสม่ำเสมอจึงจำเป็นครับ

 

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

Anonymous

5 กันยายน 2556 08:48:59 #6

คือ...ก็อ่อนเพลียนะค่ะแต่ไม่ง่วง อยากให้ตัวเองนอนบ้างเหมือนกันแต่ไม่ง่วง พยายามกินยาคลายเคลียด ก็นอนแค่ 1-2 ชั่วโมงก็ตื่น บางทีก็ฝืนไปทำงานแล้วเป็นลม(ประจำเดือนมาด้วยถึงได้คิดว่าเป็นpmddไงค่ะ) นอน ชั่วโมงเดียวตื่น กลับบ้านไปกะว่าจะหลับก็นอนไม่หลับ...อัดยาคลายเคลียดไป 4 เม็ด หลับเหมือนตายไป3วัน ....มันก็หลับมั่งไม่หลับมั่ง จนวันหนึ่ง ....เกิดไปอ่านหนังสือธรรมมะขึ้นมา รู้สึกอินไปหน่อย555 เกิดรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากๆ มีความสุขจนบอกไม่ถูก ประมาณว่าใครด่าไม่โกรธ...เช่นคนที่มีความรัก ชีวิตก็จะมีความสุขใช่ใหมค่ะ แต่เนี๊ยะมีความสุขมากๆมากกว่านั้นอีก ....คิดไปเองว่าความสุขจากธรรมมะเนี๊ยะสุขมากกว่าทางโลกเยอะทราบซึ้ง5555.....เป็นอยู่ 7วัน ก็กลับมาปกติ พยายามหาหนังสือธรรมมะมาอ่านอีก เพราะชอบความรู้สึกแบบนั้นแต่ก็ไม่เป็น...นี่ก็แมนเนียหรือเปล่าค่ะ 

คือตอนนี้ดิฉันไม่แน่ใจตัวเองค่ะ ......เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่่ได้ยินหมอเค้าพูดว่า โรคจิตaffectiveแล้ว รีบออกมา ก็สงสัยว่าอะไรคือโรคจิตทางอารมณ์คืออะไร ลองเล่าอาการเมื่อ 6 เดือนนั้นให้หมอทางอินเตอร์เน็ตคนหนึ่งฟัง หมอบอกว่าเป็นไบโพล่าร์บางที่ก็กลับมาเป็นปกติได้เองแต่ต้องกินยาป้องกัน...ก็ตกใจ พยายามหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตต่างๆนาๆ มันก็ดูเหมือน มาก....ช่วง6เดือนนั้น ทรมาณมาก หมออาจสงสัยว่าทรมาณกับความเศร้ามากทำใมไม่ไปหาหมอ....เอาเป็นว่าเล่าไม่ได้ยาวมาก

ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนมาก แต่ คนอื่นเค้าเวลาเศร้าเศร้าเป็นเดือนเป็นปี แต่ดิฉัน ช่วงเช้าหดหู่ เศร้า อยากอยู่คนเดียว กังวลง่าย อะไรนิดหน่อยก็เศร้า ทั้งๆทีเราเคยผ่านเรื่องแย่ๆมาเยอะมาก ไม่เห็นจะเศร้าขนาดนี้เลย แต่พอช่วงเย็น อารมณ์ดีทำงานใหญ่เลย(ทำงานที่บ้าน)ทำจนดึกจนดื่น....คนที่เป็นไบโพล่าร์ที่เป็นแบบนี้มีใหมค่ะ ดิฉันไม่เคยคิดฆ่าตัวตายนะค่ะ เพราะมันเศร้าไม่นาน หรือว่าไม่ใช่

อีกอย่างที่ทำให้ดิฉันสงสัยตัวเองมาก คือ ในช่วง 6 เดือนนั้น ในช่วงที่เราเศร้าไม่มาก เพื่อนเอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้อ่าน บอกว่าอ่านแล้วรู้สึกดี เนื้อหาประมาณว่าให้เรารู้จักตัวเอง ในสามระดับ ระดับที่ตาเห็น ระดับความคิด และตัวตนที่แท้จริง ให้เราสำรวจตัวเองว่า เรามีความถนัดอะไรบ้าง เรานิสัยอย่างไร มีพรสรรค์อะไรบ้าง เรามีข้อดีอะไรบ้าง นอกจากหนังสือเล่มนั้นแล้วดิฉันยังเอาหนังสือจิตวิทยามาอ่าน...หาในอินเตอร์เน็ตอีก โดยเฉพาะเรื่องกลไกทางจิต ก็พยายามดูไดอารี่ตัวเองว่า วันหนึ่งเราใช้กลไกทางจิตอะไรบ้าง ก็รู้ว่าตัวเองใช้แบบไม่มีวุฒิภาวะเยอะ เราต้องใช้แบบมีวุฒิภาวะ หาว่าตัวเราเจอปัญหาแบบใหนบ่อยๆ แล้วถ้าใช้แบบมีวุฒิภาวะต้องใช้แบบใหน หนังสือเค้าว่า สิ่งแวดล้อมมีสองแบบคือสิ่งแวดล้อมภายนอกและสิ่งแวดล้อมภายใน สิ่งแวดล้อมภายในคือความคิดของเราเอง เราต้องรู้จักปรับมัน..คิดแนวบวก ตั้งเป้าหมายเป็นบวก ยกตัวอย่างนะค่ะ เช่น ตั้งเป้าว่าเครียดน้อยลง ก็เปลี่ยนเป็น อารมณ์ดีมากขึ้น อะไรทำนองนี้นะค่ะ นอกจากนั้นแล้ว เวลาเขียนไดอารี่ มักระบายแต่ความทุกข์ ดิฉันก็ลอง เขียนเรื่องดีๆมั่งเรื่องดีๆเล็กน้อยก็เขียนไป ดิฉันรู้สึกว่าอาการเศร้าๆทุเลาลง สิ่งที่ดิฉันสงสัยคือ คนที่ป่วยเป็นไบโพล่าร์ จะทำอะไรแบบนี้ได้ใหมค่ะ

หรือว่าดิฉันไม่ได้ป่วย ดิฉันใช้กลไกทางจิตคิดว่าตัวเองป่วยงั้นเหรอ..

ตอนนี้ดิฉันก็รักษากับหมอค่ะ แต่ว่า ..................เอาเป็นว่าอยากให้คุณหมออธิบายให้เข้าใจก่อน ค่ะ 

 

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

6 กันยายน 2556 02:42:55 #7

ความรู้หลายๆ อย่างถ้านำมาต่อกันไม่ถูกหลักมันก็กลายเป็นคนละเรื่องได้เหมือนกันนะครับ ให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพเขาดีไหมครับ

 

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

Anonymous

6 กันยายน 2556 07:08:53 #8

โรคที่น่ากลัวมากๆสำหรับดิฉันไม่ใช่ไบโพล่าร์หรือจิตเภท แต่เป็นโรคสำออย(ตั้งเอง)และกลัวการไปหาหมอมาก จนบางครั้งทำอะไรโง่ๆเอง เช่น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาตำอุ้งเท้า ดู ไม่เห็นมีเศษแก้วหรืออะไร เอาคัดเตอร์แช่แอลกอฮอร์โรงงานความเข็มข้นเท่าไร่ไม่รู้เพราะผสมเอง...นั่งทับขาให้เป็นเน็บให้ขาไม่รู้สึก แล้วเอาคัดเตอร์กรีดดูได้ก้อนกลมๆอยู่ใต้ผิวหนัง....อะไรก็ไม่รู้แล้วก็หาย กลัวคำว่าสำออยจนขึ้นสมอง นี่ถ้าหาซื้อยาได้ตามร้านขายยาจะจัดยาเอง ไปหาซื้อแล้วจดเป็นรายการยาวเป็นหางว่าว  "น้องพี่ว่าไปหาหมอดีกว่านะ"  ตอนนั้นแขนหัก พยายามสุดๆที่จะไม่ร้อง แต่มันเจ็บ มาก แล้วก็โดน "สำออย"

ตอนเด็กๆดิฉันตัวดำโดนเพื่อนเหยียดสีผิว เวลาขอความช่วยเหลือมักไม่มีใครช่วย รำคาญ โกรธ ต้องโดนด่าจนอ่วมก่อนแล้วค่อยช่วย  ไม่ง้อ...ทำเองก็ได้....พอโตขึ้นมาก็เป็นแบบนี้เวลาทำงาน...เช่นเบิกของแล้วไม่ได้..ให้ช้า จะทำตัวเป็นหัวหน้าเบิกเองเลย...หัวหน้าเกลียดเพราะทำงานข้ามหน้าข้ามตา........ตอนนี้เหรอค่ะ ดิฉัน ปรับยาเอง หยุดยาเองแล้วด้วย เถียงหมออีกต่างหาก....ดื้อสุดๆแล้ว จนหมอบอกว่า เธอนี้รักษายาก 

มันไม่ใช่เป็นเพราะว่า เรารักเกียรตื์ รักศักศรีอะไรหรอกค่ะ  เวลาที่เราขอความช่วยเหลือใครแล้วเค้าทำสีหน้ารำคาญ หงุดหงิดหรืออะไรก็ตาม..เราเสียใจ....เราไม่อยากเสียใจก็เลยทำมันเอง...พอเราทำเองไม่ได้ เราก็เสียใจ บางที่ก็มักปรึกษาหมอทางเน็ต เพราะไม่อยากเห็นสีหน้า เห็นแต่ตัวหนังสือ  สบายใจ กล้าพูด แต่จ่ายยาให้ไม่ได้  

แล้วอยู่ๆก็เกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้จากคนที่เคยเข็มแข็ง ...เรื่องจะร้องให้ฝันไปเถอะ กลายเป็นคนที่เศร้าง่ายร้องให้ง่ายแม้แต่ตัวเองยังรับไม่ได้..แล้วคนอื่นล่ะ....มีคนเอาโทรศัพท์มาขายให้บอกว่าร้อนเงิน ซื้อเลยทันที แต่ปรากฏว่าคุณภาพไม่ดี เศร้าโศกมาก...ฉันโง่มาก ..ฉันปัญยาอ่อน งี่เง่า  กลัวจริงๆถ้าต้องไปดราม่าต่อหน้าหมอ......พอเราหายเศร้าเราก็ก็เศร้าต่อเรื่องที่เราไปดร่าม่าให้คนอื่นเห็น เป็นวัฎจักร บางทีก็ต้องมานั่งเซ็คตัวเองว่า เป็นเหมือนคนอื่นใหม ถ้าเป็นไม่เหมือนคนอื่นเราจะถูกหาว่าโกหกใหม เป็นคนเรียกร้องความสนใจ อะไรทำนองนั้น เพียงเพราะเราควบคุมตัวเองลำบากมันเป็นไปแล้ว

หมอเคยบอกว่าให้เราเป็นตัวของตัวเอง ไม่คิดแทนคนอื่น มองโลกในแง่ดี แคร์คนอื่นให้น้อยลง ทำยากมาก

ขอถามแบบคนโง่ว่าเป็นตัวเองยังไงไม่ให้เดือดร้อน เป็นตัวเองทีไรเดือดร้อนตลอด ไม่อยากทะเลาะกับใคร ดิฉันมีเพื่อนเยอะนะแต่fakeเหมือนจิ้งจก แต่ไม่ได้คิดหลอกเอาเงินเอาทอง แค่บุคลิกมันเปลี่ยน ชอบอยู่คนเดียวเพราะเหมือนได้พักและมีความสุขที่ได้อยู่คนเดียว บางครั้งรับไม่ได้ที่ตัวเองอ่อนแอ ความจริงเราเป็นคนรักเด็กแต่ชอบบอกเพื่อนว่าเกลียดเด็กเพราะกลัวคนอื่นว่าเราสตอร์เบอรี่ แต่เด็กๆชอบเรานะ ดิแันเบื่อตัวเองสุดๆเลย ทำใมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย

 

ขอบคุณค่ะที่เสียเวลาอ่าน

 

 

 

 

 

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

6 กันยายน 2556 14:25:32 #9

คุณกำลังกลัวว่าใครๆ จะรู้ว่าคุณเป็นคนอ่อนแอ เลยพยายามกลบเกลื่อนด้วยการทำอะไรด้วยตัวเองไปซะหมด เพื่อให้คนอื่น
เห็นว่าคุณเป็นคนเก่ง ไม่ใช่คนอ่อนแอ

แต่คุณก็รู้ตัวคุณเองอยู่ตลอดเวลาว่าคุณไม่ได้เก่งอย่างที่ทุกคนเห็น บางครั้งคุณก็กลัว และต้องการใครสักคนที่เข้าใจรับรู้ถึงความกลัวอันนี้ของคุณ รวมทั้งให้กำลังใจคุณบ้าง

ปมขัดแย้งที่คาใจคุณอยู่ตอนนี้มันกดดันคุณมาก ทำให้คุณต้องใช้พลังอย่างมหาศาลในการต่อสู้กับมัน ซึ่งคุณเองก็รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน วางมันลงดีไหมครับอย่าไปฝืนตัวเองเลย

การยอมรับตัวเองตามที่เป็นจริงแรกๆ คุณอาจเจ็บปวด แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะรู้สึกว่ามันเบาสบายกว่าเยอะเลย และคุณจะเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง

มนุษย์ไม่มีใครเก่งและแกร่งไปทุกเรื่อง บางครั้งเราก็อยากอ่อนแอ อยากมีใครสักคนคอยปลอบประโลมเหมือนกัน นี่คือธรรมชาติครับ การที่คุณจะอ่อนแอบ้างมันจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะธรรมชาติมันเป็นแบบนี้ คุณไม่ได้ต่างไปจากคนทั่วๆ ไป

คุยกับคุณหมอ เล่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้คุณหมอฟัง เขาจะได้ช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและสามารถฝ่าฟันความกดดันอันนี้ไปได้ครับ

 

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร