สิ่งที่จะต้องพิจารณาก่อนก็คือ "พี่สาวของคุณติดเกมจริงหรือ" เพราะด้านดีของเกมมันก็มี ถ้ารู้จักเลือกเกม รู้จักควบคุมตัวเอง เกมก็สามารถช่วยเราได้เหมือนกัน

การที่จะบอกว่าใครติดเกมหรือเปล่านั้น เขาดูอยู่ 3 เรื่องครับ
1. สามารถควบคุมการเล่นของตัวเองได้หรือเปล่า ถ้าบอกตัวเองว่าจะเล่น 1 ชั่วโมง พอครบชั่วโมงก็หยุดเล่นเลย อย่างนี้ถือว่ายังควบคุมการเล่นเกมของตัวเองได้ คนที่ติดเกมจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ถึงเวลากินข้าวก็ไม่กิน ถึงเวลานอนก็ไม่นอนเล่นข้ามคืนข้ามวัน อย่างนี้ถือว่าควบคุมการเล่นของตนเองไม่ได้ แบบนี้เข้าข่ายติดเกม

2. ให้ความสำคัญกับเกมมากกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองหรือเปล่า ถ้าเขาไม่สนใจหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองเลย หมกมุ่นอยู่แต่กับเกม หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่เกม อันนี้ก็เข้าข่ายติดเกม

3. แม้มีความผิดปรกติหรือความเสียหายอันเป็นผลจากการเล่นเกมเกิดกับตัวเองแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถหยุดเล่นเกมได้ นี่ก็เข้าข่ายติดเกมครับ

สังเกตดูนะครับว่าพี่สาวคุณมีลักษณะใน 3 ข้อนี้หรือไม่
ถ้าเขามี และคุณอยากจะช่วยเขาคุณก็ต้องคุยกับเขา บอกเขาว่าเขาติดเกมแล้วโดยใช้ 3 ข้อข้างบนเป็นเหตุผลในการอธิบาย และชวนเขาเลิก เพราะถ้ายังขืนอยู่กับเกมชีวิตของเขามีโอกาสพังแน่ ๆ และถ้าเขาเอาด้วยก็ชวนเขาทำตามนี้นะครับ

1. เขียนข้อความ "ฉันจะเลิกเล่นเกม" ติดไว้ข้างฝา แล้วอ่านทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ ครั้ง เพื่อเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่านี่คือเป้าหมายที่เขาจะต้องไปให้ถึง

2. ทิ้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมให้หมด เกมที่อยู่ในมือถืออยู่ในคอมพิวเตอร์ ลบทิ้งให้หมด เพราะถ้ายังมีสิ่งเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวมันจะเลิกยากมากเลย

3. หากิจกรรมที่ชอบและสนุกมาทำและทำทุกวัน เช่น เล่นกีฬาที่ชอบ ฟังเพลงที่ชอบ เล่นดนตรี ดูหนัง อ่านหนังสือ ฯลฯ เอากิจกรรมเหล่านี้มาลงเป็นตารางไว้แบบตารางเรียนเลย เช่น เย็นวันจันทร์ 17:00-18:00 เล่นฟิตเนส, อังคาร 17:00-18:00 เล่นดนตรี, พุธ 17:00-18:00 ดูหนัง ฯลฯ ทำตารางแบบนี้ขึ้นมาให้ครบทุกวัน แล้วปฏิบัติตามตารางที่ทำไว้ให้ได้

คนที่ติดเกมสาเหตุมันมาจากสารเคมีบางชนิดในสมองของเขามันลดลง ทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข บังเอิญว่าการเล่นเกมมันไปช่วยกระตุ้นให้สารเคมีเหล่านี้ในสมองของเขาหลั่งออกมาเพิ่มขึ้น มันจึงช่วยให้เขารู้สึกสบาย แต่เขาก็ต้องแลกด้วยปัญหาการติดเกมซึ่งมันไม่คุ้มเลย ดังนั้นการแก้ไขเราจึงต้องหากิจกรรมที่มันสามารถทำให้เขาเกิดความสุข เกิดความสนุก แต่ไม่ทำให้เกิดการติดมาทดแทน กิจกรรมที่เกี่ยวกับดนตรี กีฬา ฯลฯ ทำให้เกิดการหลั่งสารเคมีที่ว่า มันจึงสามารถช่วยดึงเขาออกจากเกมได้

4. ในระหว่างนี้ห้ามคุยกับเพื่อนเรื่องเกม ห้ามพบปะพูดคุยเรื่องเกมกับเพื่อนที่เคยร่วมก๊วนเกมเด็ดขาด จนกว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาเอาตัวเองออกจากการเล่นเกมได้แล้ว เพราะแค่คุยกันนิดเดียวบรรยากาศเก่า ๆ ของการเล่นเกมมันจะกลับมาทันที และโอกาสที่เขาจะไปติดเกมใหม่อีกครั้งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

ถ้าดูแล้วพี่สาวของคุณน่าจะติดเกมแน่ ๆ ลองทำตามที่บอกดูนะครับ วิธีการเหล่านี้ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา ต้องใช้ความอดทน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นกำลังใจให้นะครับ

นพ.อุดม เพชรสังหาร