มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีอาการแบบคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องท้อใจว่าคุณจะเป็นคนเดียวที่มีปัญหาแบบนี้นะครับ

ความกลัวแก้ไขได้ด้วยการเผชิญหน้ากับมันครับ แต่ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความกลัวก็คือ ระหว่างที่เราเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรากลัวนั้นมันมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นกับเรา และอาการที่ว่านี้ก็เหมือนกับว่ามันจะทำให้เราไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ คนส่วนใหญ่ก็เลยเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับความกลัวดีกว่า ซึ่งผลที่ตามมาก็คือมันปิดโอกาสหลาย ๆ อย่างในชีวิตเราได้ อย่างในกรณีของคุณคุณอยากเป็นทันตแพทย์ แต่คุณกลัวเลือด ดังนั้นเส้นทางอาชีพทันตแพทย์ของคุณอาจจะไม่ราบรื่นก็ได้ เพราะอาชีพทันตแพทย์มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอเลือด

หลักในการแก้ไขก็คือคุณต้องฝึกตัวเองให้ค่อย ๆ เผชิญหน้ากับสิ่งที่คุณกลัวทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าคุณจะหายกลัว ในขณะเดียวกันก็ฝึกวิธีควบคุมอาการกลัวของตัวเองไปด้วย ลองทำแบบนี้ดูนะครับ

1. ฝึกหายใจเข้าออกช้า ๆ ลึก ๆ ระหว่างนั้นก็ดึงเอาความสนใจของเรามาจับไว้ที่การหายใจเข้าออกนั้น อย่าให้ความคิดหลุดออกไปจากการหายใจเด็ดขาด แรก ๆ อาจจะทำได้แค่ 2 - 3 นาที ก็ไม่เป็นไร แต่ให้ค่อย ๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้นทีละเล็กละน้อยจนให้ได้ถึง 20 - 30 นาที ฝึกแบบนี้จนชำนาญ

2. เมื่อชำนาญแล้วให้หาอะไรที่มันเกี่ยวกับเลือดมาดู อาจจะเป็นคลิปผ่าฟันคุดที่คุณกลัวก็ได้ เมื่อดูแล้วพอมันเริ่มเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาให้เอาเทคนิคการหายใจเข้าออกช้า ๆ ที่ฝึกไว้มาใช้ทันที หายใจเข้าออกช้า ๆ พร้อมกับดูคลิปไปด้วย การควบคุมลมหายใจแบบนี้มันจะช่วยให้อาการกลัวของคุณลดลง แรก ๆ คุณอาจจะยังกลัวและมีอาการอยู่ พยายามฝืนให้ได้และไม่ต้องกลัวว่าอาการที่เกิดขึ้นมันจะทำให้เราเป็นอันตราย มันน่ากลัวครับแต่มันจะไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายแน่นอน

3. ทำตามข้อ 2 บ่อย ๆ แรก ๆ อาจจะครั้งละ 5 นาที เมื่อรู้สึกว่าอาการกลัวน้อยลงแล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าเวลาดูคลิปผ่าฟันคุตแล้วคุณไม่รู้สึกกลัวอีกเลย

4. เมื่อผ่านแบบฝึกหัดนี้ได้ ก็ลองก้าวไปสู่การเผชิญหน้ากับของจริงคือการไปเจาะเลือดตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ระหว่างที่รอการเจาะเลือดให้ใช้วิธีควบคุมลมหายใจแบบที่ฝึกไว้อยู่ตลอด และทำจนกว่าจะเจาะเลือดเสร็จ ถ้าคุณผ่านขั้นตอนนี้ได้ ครั้งต่อไปคุณจะรู้สึกกลัวน้อยลง และอาการกลัวมันจะหายไปเองครับ

สิ่งที่คุณต้องท่องจำไว้เพื่อเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็คือ "อาการนี้ไม่มีอันครายอะไร"

ลองดูนะครับ แต่ถ้าคุณได้พยายามเต็มที่แล้วแต่มันก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์ครับ

นพ.อุดม เพชรสังหาร