กระดานสุขภาพ

เครียด
Anonymous

10 กุมภาพันธ์ 2558 13:04:48 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ

มีเรื่องเครียดที่สะสมมาค่อนข้างนานพอสมควรค่ะอยากทราบว่าต้องทำยังไงต่อไป

อาการที่มีคือหนูเก็บอารมณ์ไม่ได้เลยค่ะ เวลาโกรธจะขว้างปาข้าวของ ทำลายข้าวของหรือว่าร้องไห้หนักมากๆ หากไม่มีใครให้ระบายหนูก็จะร้องอย่างเดียวร้องแบบร้องหนักมาก แล้วมันจะปวดหน่วงๆบริเวณลำคอคือเหมือนกับหนูต้องพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องออกมา บางครั้งถ้าโกรธกับใครหนูจะตะหวาดตะโกนใส่หรือใช่คำไม่สุภาพถ้อยคำที่รุนแรงออกมา หนูไม่ได้อยาพูดหรือทำสิ่งเหล่านั้นจริงๆแต่ก็ห้ามไว้ไม่อยู่ ทุกครั้งหลังจากโกรธจะปวดศีรษะค่ะ แต่ว่าไม่เยอะจะรู้สึกชาๆ รู้สึกปลงชีวิต รู้สึกเหมือนไม่มีใครเป็นที่พึ่งซึ่งหนูคิดว่าในครอบครัวก็คงพึ่งใครไม่ได้จริงๆ ไม่มีใครรับฟังความคิดเห็นจากตัวหนูเลย ทุกครั้งเวลาแสดงความคิดเห็นก็จะโดนปัดตกไปทุกที ด้วยความที่เราดูเป็นเด็กในสายตาผู้ใหญ่เค้า บางทีความต้องการของเราจริงๆก็ถูกละเลยไป

ที่บ้านคุณแม่กดดันมาก อยากให้เรียนแพทย์เรียนเภสัชแต่หนูไม่อยากเรียน หนูสอบให้แม่ไปแล้วแล้วติดรับตรงไปแล้วแต่หนูไม่อยากเรียน แม่โกรธมากคอยด่าว่าหนูทุกวันไม่รู้จะทำยังไงทะเลาะกันเรื่องเรียนตั้งแต่เริ่มเข้าม.6 ทุกครั้งเวลาสมัครสอบอะไรก็ไม่อยากให้แม่รู้เลย  เวลาสมัครหนูใช้เงินเก็บตัวเองตลอด เวลาอยากได้อะไรก็ใช้เงินเก็บตัวเองตลอด คนในครอบครัวไม่เชื่อใจหนูเลยเวลาหนูพูดอะไร หนูสายตาสั้นหนูต้องรับจ้างทำการบ้านเพื่อนประมาณสี่เดือน เก็บตังได้เอาตังไปตัดแว่นเอง สุดท้ายหนูก็โดนด่า ทุกวันนี้ทำอะไรก็โดนด่า

ชีวิตถูกตีกรอบด้วยคำว่าไม่และใช่ หนูเหนื่อยมากๆเลยค่ะคุณหมอ หนูเครียดจริงๆไม่รู้จะหาทางออกไปยังไงแล้ว ท้อมากๆ รู้สึกเหมือนเป็นตัวที่ทำให้ตระกูลตัวเองต้องอับอายขายขี้หน้าประชาชีชาวบ้าน ทุกวันนี้เพื่อนๆที่โรงเรียนทั้งรุ่นน้องแล้วรุ่นเดียวกันทักตลอดว่าเป็นอะไรไปทำอะไรมาหน้าโทรมมากเหมือนคนไม่ได้นอน ทุกเช้าหนูก็ต้องกินกาแฟอย่างน้อยหนึ่งกระป๋องไม่งั้นหนูเรียนไม่รู้เรื่องจริงๆค่ะ 

หนูขอโทษที่ระบายยาวไปหน่อยแต่ว่าไม่มีใครรับฟังปัญหาของหนูเลย เวลาเกิดอะไรขึ้นต้องแก้ไขด้วยตัวเองทุกครั้ง เหนื่อยมากๆค่ะท้ออยากออกจากบ้านไปให้พ้นๆ สิ่งที่หนูอยากรู้คือ

-ต้องไปพบจิตแพทย์มั้ยเรื่องการควบคุมอารมณ์

-ทำยังไงให้เลิกติดกาแฟสักที ไม่กินเรียนไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ อยากเลิกค่ะเปลืองเงิน

ขอบคุณคุณหมอล่วงหน้าน่ะค่ะ 

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.10 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

11 กุมภาพันธ์ 2558 15:10:08 #2

คุณคือ "วัยรุ่น" ครับ

วัยนี้คือวัยที่กำลังแสวงหาตัวเอง วัยที่ต้องการความเป็นตัวของตัวเองสูง ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจ เป็นวัยที่ต้องการอะไรที่ทันใจรอไม่ได้ เป็นวัยที่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ ไม่จำเจ ไม่น่าเบื่อ นี่คือธรรมชาติของคนวัยนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันจะทำให้วัยนี้เกิดประสบการณ์ เกิดการเรียนรู้ และหล่อหลอมให้คนวัยนี้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ ค้นพบตัวเองได้ในที่สุด

แต่มันก็มีสิ่งที่ต้องระวังเหมือนกัน

เพราะธรรมชาติของคนวัยนี้มักจะ "ขาดการคิด ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป" และคนวัยนี้ "ยังมีข้อมูลไม่มากพอ อีกทั้งยังขาดประสบการณ์ในหลายๆ เรื่อง"
ด้วยเหตุนี้ "การตัดสินใจผิดพลาด" จึงเกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับคนในวัยนี้

เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดปรกตินะครับ แต่มันเป็น "พัฒนาการปรกติของสมองส่วนหน้า" ที่กำลังพัฒนาตัวเองอยู่ในช่วงวัยนี้ ซึ่งมันจะไปสมบูรณ์เอาเมื่อตอนหลังอายุ 25 ปีขึ้นไป เมื่อมันพัฒนาตัวเองได้สมบูรณ์แล้ว มันจะทำหน้าที่ช่วยให้เรามีเหตุผล มีวิจารณญาณ มีความรอบคอบในการดำเนินชีวิตครับ

การ "หยุดคิดก่อน แล้วจึงค่อยลงมือ" คือวิธีการที่จะช่วยให้พัฒนาการของสมองส่วนนี้เป็นไปได้ด้วยดี และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนวัยนี้ "ตัดสินใจผิดพลาด" ได้อีกด้วย ก่อนที่สมองส่วนนี้มันจะพัฒนาตัวเองได้สมบูรณ์

มาลองใช้หลัก "หยุดคิดก่อน แล้วค่อยลงมือ" พิจารณาดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณอยู่ในตอนนี้ดูนะครับ

คุณอาจจะโชคร้ายที่คุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีกดดันหรือบังคับให้ทำตามในหลายๆ เรื่อง และคุณก็มองว่าคุณพ่อคุณแม่กำลังทำร้ายคุณ คุณก็เลยพยายามที่จะต่อต้าน
ความกราดเกรี้ยวที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณในตอนนี้ก็มาจากการที่คุณพยายามที่จะต่อต้านกับแรงกดดันของคุณพ่อคุณแม่นี่แหละ เพราะ "การต่อต้าน" ในครั้งนี้มันเล่นเอาคุณเหนื่อยเหลือเกิน พอเหนื่อยอารมณ์มันก็เลยหงุดหงิดขึ้นมา

มาลอง "หยุดคิด" ในแง่มุมอื่นดูบ้าง ดีมั้ยครับ

คุณพ่อคุณแม่อาจมีข้อมูลหรือมีเคยประสบการณ์มาว่า อาชีพที่พยายามแนะนำ(กึ่งบังคับ)ให้ลูกเลือกนั้นมันเป็นอาชีพที่ดี(ในมุมมองของคุณพ่อคุณแม่) จึงอยากช่วยลูกตัดสินใจ นี่คือความหวังดี หรือ ความต้องการที่จะควบคุมลูก หรือความอยากที่จะเอาชนะลูกกันแน่

อาชีพที่คุณมองไว้ในใจของคุณ กับอาชีพที่คุณพ่อคุณแม่พยายามยัดเยียดให้ มันมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร และถ้าคุณยังยืนยันตามที่คุณตั้งใจไว้ คุณจะมีวิธีที่จะยืนยันความตั้งใจของคุณกับคุณพ่อคุณแม่อย่างไร ถ้าใช้วิธี "สู้" แบบนี้ต่อไปคุณได้อะไร และเสียอะไร มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้มั้ย

ฝากให้ไปลองขบคิดดูนะครับ

มีวิธีที่จะช่วยให้ "การหยุดคิดก่อน แล้วค่อยลงมือ" มันเข้มแข็งขึ้น และช่วยลดความเครียดได้ด้วยครับ

วิธีแรก คือการฝึกสมาธิ โดยการนั่งสมาธิแบบทั่วๆ ไปนั่นแหละครับ จากนั้นให้คุณพิจารณาความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนี้ว่ามันเป็นอย่างไร โกรธ น้อยใจ ฯลฯ อยู่กับความรู้สึกนั้นดูซิว่ามันจะเป็นอย่างไร ในที่สุดคุณจะเข้มแข็งขึ้นครับ

วิธีที่สอง ถ้าคุณชอบดนตรีและเล่นดนตรีเป็น ไปเข้าวงเล่นดนตรีกับเพื่อนครับ การเล่นดนตรีจะช่วยให้ "การหยุดคิดก่อน แล้วค่อยลงมือ" ของคุณเข้มแข็งขึ้น และดนตรีจะช่วยลดความเครียดให้คุณครับ

ลองเอาไปปฏิบัติดูนะครับ แต่ถ้าทำแล้วมันไม่ก้าวหน้า หรือไม่ได้ผล การพบจิตแพทย์ก็จำเป็นแล้วล่ะครับ

นพ.อุดม เพชรสังหาร