กระดานสุขภาพ
ปวดหัวข้างเดียวหลายปี | |
---|---|
4 กันยายน 2564 07:59:24 #1 สวัสดีค่ะ ปัจจุบันอายุ 25 ปี มีอาการปวดหัวข้างขวาข้างเดียวตั้งแต่อายุประมาน 14 เวลาปวดจะปวดมากจนทำอะไรไม่ได้ บางทีก็ปวดจนร้องไห้ อยากทุบๆหัวให้หายไป จะปวดประมาณ 1 ชั่วโมงทุกๆวัน ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาเดิมๆ ติดต่อกันหลายอาทิตย์เลยค่ะ แล้วอยู่ดีๆ อาการปวดหัวก็จะหายไปเอง ไม่เป็นอีกเลยเว้นไปประมานปีนึง แล้วก็กลับมาเป็นอีกเหมือนเดิมค่ะ ตัวอย่างเช่นปวดตอนอายุ 14 จะปวดอีกที 16 อีกที 18 ประมานนี้ค่ะ ที่เราเป็น แต่พอปวดครั้งสุดท้ายประมาณอายุ 21 ค่ะ แล้วก็หายยาวเลย จนเราคิดว่าหายแล้ว แต่ตอนนี้อายุ25 อาการนั้นก็กลับมาอีกแล้วค่ะ แต่เหมือนว่าจะปวดบ่อยกว่าเดิม แต่ลักษณะเหมือนเดิมที่เคยปวดเลยค่ะ รบกวนสอบถามว่าแบบนี้อันตรายไหมคะ ควรไปหาหมอไหมคะ เท่าที่หาข้อมูลเองพบว่าอาการเราเหมือนปวดหัวแบบคลัสเตอร์เลยค่ะ |
|
อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 64 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.80 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
12 กันยายน 2564 07:11:44 #2 ปวดศีรษะ หรือ ปวดหัว (Headache) เป็นอาการไม่ใช่โรค เป็นอาการที่พบบ่อยมากทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ โดย 2 ใน 3 ของเด็กทั้งหมด และ 9 ใน 10 ของผู้ใหญ่ทั้งหมด เคยมีอาการปวดศีรษะ ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเกิดอาการนี้ได้เท่าๆกัน สมาคมปวดศีรษะนานาชาติ (The International Headache Society: IHS) และองค์ การอนามัยโลก (WHO, World Health Organization) แบ่งการปวดศีรษะตามสาเหตุออกเป็น 3 กลุ่ม/ประเภทใหญ่คือ อาการปวดศีรษะปฐมภูมิ (Primary headache), อาการปวดศีรษะทุติยภูมิ (Secondary headache), และอาการปวดศีรษะจากเส้นประสาทและอื่นๆ (Cranial neuralgias, central and primary facial pain and other headaches) เรียกว่า เป็นการแบ่งแบบ IHS Classification ICHD 3 โดย ICHD ย่อมาจากInternational Classification of Headache Disorders ก. อาการปวดศีรษะปฐมภูมิ (Primary headache): คือ อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นเองจากความผิดปกติในการทำงานของสมองโดยไม่ได้เกิดจากโรค ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดศีรษะปฐมภูมิยังไม่แน่ชัด แต่เชื่อว่า เกิดจากกระบวนการที่เกี่ยวพันกันระหว่างหลอดเลือดในส่วนของศีรษะและเส้นประสาทสมอง (Cranial nerve) รวมทั้งสารสื่อประสาทในสมอง ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น อาการปวดศีรษะในกลุ่มนี้ เช่น * โรคปวดศีรษะไมเกรน (Migraine), โรคปวดศีรษะจากเครียด (Tension-type headache) ซึ่งอาการ เช่น การปวดศีรษะข้างเดียว หรือ ทั้งสองข้าง โดยอาการปวดมักไม่รุนแรง เป็นอาการปวดศีรษะที่พบบ่อยที่สุดถึงประมาณ 90% ของการปวดศีรษะทั้งหมด เพราะเป็นอาการปวดศีรษะที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น จากนอนไม่หลับ หิว เครียด ใช้สายตามาก ขาดน้ำหรือ อดกาแฟ ทั้งนี้จัดเป็นอาการปวดศีรษะที่รุนแรงน้อยถึงรุนแรงปานกลาง และ * ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (Cluster headache) ซึ่งอาการเช่น ปวดศีรษะด้านเดียว ร่วมกับปวดตา ตาแดง น้ำตาไหล และคัดจมูกมักเป็นอาการปวดรุนแรง แต่เป็นโรคพบได้น้อยประมาณ 0.1% ของอาการปวดศีรษะในผู้ใหญ่ ข. อาการปวดศีรษะทุติยภูมิ (Secondary headache): ได้แก่ อาการปวดศีรษะที่มีสาเหตุจากโรคต่างๆ เป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย เป็นอาการปวดศีรษะที่รุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก โดยความรุนแรงของอาการขึ้นกับสาเหตุ เช่น * ปวดศีรษะจากการติดเชื้อทั้งจากภาย นอกและภายในสมอง * ปวดศีรษะจากมีไข้ * ปวดศีรษะจากหลอดเลือดบริเวณศีรษะอักเสบ * ปวดศีรษะจากดื่มสุรา * ปวดศีรษะจากความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น ในโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke), โรคเนื้องอกสมองและโรคมะเร็งสมอง, ปวดศีรษะจากสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น ปวดศีรษะจากโรคต้อหิน, ปวดศีรษะจากโรคทางจิตเวช, และปวดศีรษะจากอุบัติเหตุต่อศีรษะและสมอง ค. อาการปวดศีรษะจากเส้นประสาทสมองและอื่นๆ (Cranial neuralgias, central and primary facial pain and other headaches): เช่น อาการปวดศีรษะที่เกิดจากประสาทสมองเส้นที่ 5 ที่กำกับดูแลใบหน้า (Trigeminal neuralgia หรือ โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า)ที่มักเป็นอาการปวดศีรษะปานกลางเรื้อรัง และมีการปวดใบหน้าร่วมกับอาการปวดศีรษะด้วย ส่วนใหญ่มักเกิดด้านเดียว แต่ประมาณ 10% พบเกิดทั้งสองข้าง ทั้งนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยคือ จากมีหลอดเลือดกดทับประสาทเส้นนี้ แนวทางรักษาอาการปวดศีรษะ ได้แก่ ก. เมื่อเป็นการปวดศีรษะในกลุ่มปฐมภูมิ: * การรักษาคือบรรเทาอาการปวดขณะปวดศีรษะ โดยการกินยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) และ * การรักษาเพื่อป้องกันการเกิดอาการปวดฯ ซึ่งการรักษามักเป็นการกินยาซึ่งมีหลายชนิด ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของสาเหตุ และดุลพินิจของแพทย์ เช่น ในการรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรน เป็นต้น ข. การรักษาอาการปวดศีรษะในกลุ่มทุติยภูมิ: คือ การรักษาสาเหตุ เช่น * รักษาปวดศีรษะจากโรคติดเชื้อแบคทีเรียด้วยยาปฏิชีวนะ * รักษาโรคเนื้องอกสมอง/มะเร็งสมองด้วยการผ่าตัด และ/หรือร่วมกับรังสีรักษา * รักษาอาการปวดศีรษะจากสายตาสั้นหรือสายตาเอียงด้วยการใส่แว่นตา * การเลิกสุราเมื่อปวดศีรษะมีสาเหตุจากการดื่มสุรา เป็นต้น ค. การรักษาอาการปวดศีรษะจากเส้นประสาทและอื่นๆ: เป็นการรักษาตามสาเหตุ เช่น การผ่าตัดเมื่อมีหลอดเลือดกดประสาทสมองเส้นที่ 5 เป็นต้น ง. การรักษาประคับประคองตามอาการ: เช่น การให้ยาแก้ปวดขณะมีอาการปวดศีรษะ ซึ่งมียาแก้ปวดหลากหลายชนิด แต่ที่เป็นยาประจำบ้าน ผู้ป่วยซื้อยากินได้เองคือ ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ส่วนยาแก้ปวดชนิดอื่นๆควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์พยาบาลและเภสัชกร |
Anonymous