กระดานสุขภาพ
คุณแม่ป่วยเป็นโรค Guillain-Barre syndrome ครับ | |
---|---|
30 ตุลาคม 2560 15:14:05 #1 สวัสดีครับคุณหมอ คุณแม่อายุ 79 ปี ป่วยด้วยโรค Guillain-Barre syndrome ครับ เริ่มมีอาการตั้งแต่วันอังคารที่ 10 ต.ค ที่ผ่านมา (ก่อนหน้านี้สุขภาพแข็งแรงดี ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ มีปวดเมื่อยปวดตัว เป็นไข้อยู่บ้าง ตามวัย แต่ไม่เคยล้มป่วยหนักๆเลยครับ) โดยเริ่มจากรู้สึกอ่อนแรงช่วงกลางวัน พอถึงตีสามจะเข้าห้องน้ำก็ลุกไม่ขึ้น แต่แขนขายังพอขยับไดั พอเดินได้ แต่ถัานั่งแล้วลุกเองไม่ได้. ผมก็เลยพาไปรักษาหลายโรงพยาบาลแต่หมอก็วินิจฉัยไม่ได้ จนมารู้ว่าเป็นโรคนี้ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหวจึงต้องพามาที่โรงพยาบาลต้นสังกัดที่มีบัตรทอง ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดปฏิเสธการให้ยา Immunoglobulin เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้ยาตัวนี้ ทำให้วันที่สามที่เข้ารักษาคุณแม่ต้องถูกส่งเข้าห้อง ICU (วันที่ 15 ต.ค) เนื่องจากหายใจเองไม่ได้ กว่าหมอจะยอมรับว่าสมควรให้ได้รับยาก็วันที่ 16 ต.ค ครับ จนถึงวันที่ 20 ต.ค ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดได้ส่งตัวคุณแม่ไปโรงพยาบาลเฉพาะทางโดยที่ยังขาดยาอีก 1 วัน ทางโรงพยาบาลสถาบันแพทย์เฉพาะทางที่รับส่งตัวแจ้งว่ายาที่โรงพยาบาลต้นสังกัดให้นั้น Dose ไม่ถูกต้องจึงต้องเริ่มให้กันใหม่ จนถึง วันนี้ 30 ต.ค อาการโดยรวมก็ยังทรงๆครับ ยังต้องให้อาหารทางสาย นิ้วมือขยับได้ แขนขวาขยับได้มากกว่าแขนซ้าย ปลายเท้ากระดิกได้ แต่ขาทั้งสองข้างยังยกไม่ขึ้น คอยกไม่ได้ แต่ขยับไหล่ ยกไหล่พอได้ แขนขา ร่างกายรับรู้ทุกอย่างครับ บีบนวด เกาตามร่างกายให้ก็รับรู้ รู้สึกตัวดีทุกอย่าง รู้สึกได้หมด ไม่มีอาการชาครับ เพียงแต่ยังไม่มีแรงเท่านั้นครับ คุณหมอเจ้าของไข้มาเยี่ยม และเกริ่นๆถึงเรื่องเจาะคอแทนการใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากใส่เครื่องช่วยมาสองสัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังวินิจฉัยว่าจะให้เวลาใส่เครื่องอีกสักสัปดาห์ เนื่องจากโหมดเครื่องช่วยหายใจที่ปรับใช้ให้นั้น อยู่ในโหมดช่วยหายใจบางส่วน เพื่อให้คนไข้ฝึกหายใจเอง ถามคุณหมอเจ้าของไข้แล้วก็บอกว่าคนไข้ก็ฝึกหายใจได้ดี เพียงแต่ยังไม่เพียงพอครับ สิ่งที่ผมอยากกราบเรียนขอคำปรึกษาคุณหมอคือ ผมมีความกังวลในเรื่องของการเจาะคอครับ ภาวนาให้คุณแม่หายใจได้เองเร็วๆ เกรงว่าระยะเวลาสัปดาห์เดียวที่คุณหมอเจ้าของไข้ให้ไว้ จะน้อยเกินกว่าที่คุณแม่จะสามารถถอดท่อเครื่องได้เอง ถ้าขยายเวลาอีกสักนิด เป็นสักสองสัปดาห์ จะส่งผลเสียกับคนไข้ไหมครับ ขอบคุณครับ |
|
อายุ: 79 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 39 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.33 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา |
31 ตุลาคม 2560 11:32:33 #2 สวัสดีครับ อาการ GBS ในผู้สูงอายุจะวินิจฉัยได้ยากมากครับ กรณีของคุณแม่ผมว่าโชคดีมากครับที่แพทย์วินิจฉัยได้ และการได้รับยา immunoglobulin ก็ไม่ล่าช้าครับ มาสู่คำถามเกี่ยวกับการเจาะคอ จริงแล้วการเจาะคอนั้นมีความปลอดภัยมากนะครับ ปลอดภัยมากกว่าการใส่ท่อช่วยหายใจในปัจจุบัน แล้วก็ไม่มีอันตรายอะไรเลยครับ การหลุดก็ยาก การติดเชื้อก็น้อยกว่า ดูแลได้ง่ายกว่า ถ้าเจาะคอแล้ว แล้วก็หายใจเองได้เมื่อไหร่ก็แค่เอาท่อออก แผลก็ปิดเองไม่ต้องเย็บอะไรเลยครับ ผมเลยไม่อยากให้กังวลกับการเจาะคอครับ ถึงเวลา 2-3 สัปดาห์ก็ต้องเจาะคอครับ ถ้าเราปล่อยให้นานออกไปยิ่งเกิดผลเสียมากกว่าครับ โดยทั่วไปแล้วโรคนี้กว่าจะดีขึ้นต้องประมาณ 6-8 สัปดาห์ครับ ดังนั้นยิ่งสูงอายุ ยิ่งดูแลยากครับ หายก็ช้าครับ ผมยังสนับสนุนให้เจาะคอครับ โชคดีครับ |
Anonymous |
31 ตุลาคม 2560 19:19:22 #3
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คุณหมอครับ ผมยังมีข้อสงสัยใคร่อยากรบกวนขอคำปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมครับ
คือว่า พยาบาลแนะนำคนไข้ว่าให้หายใจลึกๆ ยาวๆ เพื่อเป็นการฝึกหายใจร่วมกับเครื่อง แต่เนื่องจากคนไข้มีอาการไอ แต่ไอไม่ออก ไอแต่ละครั้งก็ทุลักททุเลมาก , มักมีเสมหะ และน้ำลายเหนียวๆในลำคอ กลืนไม่ค่อยลง (มีเสมหะค่อนข้างมากครับพยาบาลดูดให้วันละ 4-5 ครั้ง แต่จากผลเอ็กซ์เรย์ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ต.ค ที่ผ่านมา ยังไม่พบความผิดปกติของปอดครับ) คนไขับอกว่า ทุกครั้งที่มีน้ำลาย หรือเสมหะดังกล่าว จะทำให้ฝึกหายใจไม่ค่อยถนัดนัก ผมเลยอยากรบกวนสอบถามคุณหมอว่า น้ำลายเหนียวๆ หรือเสมหะที่กล่าวมา มีผลกับการฝึกหายใจ ทำให้การหายใจตามเครื่องลำบากขึ้นหรือไม่อย่างไร หรือว่าคนไข้คิดไปเองครับ เพราะถ้าเกี่ยวข้องกันจริง การฝึกหายใจให้สำเร็จได้ ก็คงล่าช้าออกไปอีกครับ ขอบคุณครับ
|
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา |
1 พฤศจิกายน 2560 14:14:50 #4 สวัสดีครับการที่มีนำ้ลายกับเสมหะย่อมมีผลต่อการฝึกหายใจแน่นอนครับ ต้องพยายามให้ผู้ป่วยฝึกกลืนนำ้ลายด้วยครับเหมือนที่เราก็กลืนนำ้ลายเราตลอดเวลาครับ การทำการเจาะคอก็จะลดปัญหาตรงนี้ไปได้ด้วยครับ เพราะไม่มีอะไรรำคาญในปากครับ โชคดีครับ |
Anonymous |
2 พฤศจิกายน 2560 04:28:07 #5
ขอบพระคุณคุณหมอมากครับ ที่สละเวลามาช่วยตอบให้นะครับ
|
Anonymous |
8 พฤศจิกายน 2560 15:35:21 #6
ขออนุญาตรบกวนคุณหมอเพิ่มเติมครับ คือ ณ ปัจจุบัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 6 พ.ย หลังจากที่กังวลเรื่องเจาะคอ คุณหมอได้ทำการถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วครับ โดยเปลี่ยนเป็นแบบครอบปาก ต่อมา เมื่อวานวันอังคารที่ 7 พ.ย ก็เปลี่ยนเป็นแบบสายหายใจใส่จมูกแทน ซึ่งพวกผมก็ดีใจมากครับ เริ่มพูดมีเสียง แหบๆแต่ฟังเข้าใจครับ แต่พอมาวันนี้วันที่ 8 พ.ย เข้าไปเยี่ยมกลับพบว่า คุณแม่กลับไปใส่ที่ช่วยหายใจแบบครอบปากอีกครั้ง ทำให้พวกผมกังวลมากครับ วันนี้เลยไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมมากนัก กลัวท่านเหนื่อย ซึ่งค่าต่างๆล่าสุดจากจอมอนิเตอร์ ณ เย็นวันที่ 8 นี้คือ อัตราการเต้นหัวใจ = 122 , ค่า O2 = 100 , การหายใจ = 30 ความดัน 116/73 ครับ ซึ่งดูแล้วค่าดังกล่าวจะบอกว่าหัวใจเต้นเร็วและหายใจเร็วใช่มั้ยครับ ผมเลยค่อนข้างเครียดครับ เพราะดูเหมือนการหายใจยังไม่ดีขึ้นเลยครับ กังวลมากครับ
|
Anonymous |
9 พฤศจิกายน 2560 11:39:06 #7
สวัสดีครับคุณหมอ ล่าสุดวันนี้ 9 พ.ย. ไม่ดีเลยครับคุณหมอ คุณแม่ไม่ไหวครับ ต้องกลับมาใส่เครื่องช่วยหายใจอีกครั้งครับ ความดันก็ลดต่ำลงในหลายๆช่วงเวลาครับ. แย่เลยครับ
|
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา |
10 พฤศจิกายน 2560 09:40:28 #8 สวัสดีครับ ผมมีความเห็นว่าคุณแม่ยังหายใจเองไม่ได้ดีเพียงพอครับ ผมเห็นด้วยที่ต้องใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจ ดังนั้นการเจาะคอน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมครับ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการระมัดระวังไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การเกิดติดเชื้อในปอดครับ ตอนนี้กำลังใจของผู้ป่วยและกำลังใจของญาติสำคัญครับ ผมเข้าใจความรู้สึก ความเครียดที่มีตอนนี้ ทางลูกๆ ต้องให้กำลังใจคุณแม่ให้มาก ลดการเข้าเยี่ยมต่างๆ ที่ไม่จำเป็นด้วยครับ การล้างมือ ใส่หน้าการตอนเข้าเยี่ยมก็สำคัญครับ โชคดีครับ |
Anonymous |
11 พฤศจิกายน 2560 08:24:13 #9
ขอบพระคุณมากครับคุณหมอ
|
Anonymous