กระดานสุขภาพ
ยารักษาอาการสมองเสื่อมเนื่องจากเส้นเลือดฝอยในสมองส่วนหน้าตีบ | |
---|---|
18 พฤศจิกายน 2559 02:56:25 #1 สวัสดีค่ะ ดิฉันมีแม่ที่ป่วยด้วยอาการนอนไม่หลับ และมีพฤติกรรมแปลก ๆ เริ่มมีอาการเมื่อปี 2549 รักษาที่โรงพยาบาลของรัฐที่จังหวัดภูเก็ต ตอนแรกหมอท่านนั้นบอกว่าคุณแม่เป็นอาการ Dementia ให้ยาทางจิตเวชแล้วอาการทุเลาลง และมีอาการเป็นๆ หาย ๆ ตลอดมา พอมาปีนี้ทางโรงพยาบาลเปลี่ยนหมอที่ดูแลอาการของแม่ดิฉัน แล้วให้เข้าเครื่อง MRI ผลออกมาไม่เป็น อัลไซเมอร์ และ เดเมนเทีย แต่มีภาวะเส้นเลือดฝอยในสมอง ตีบ เยอะ ยาที่หมอให้ทานและแปะมีดังนี้ค่ะ - Trazodone 50 mg 1 เม็ด 1 ครั้งก่อนนอน - quetiapine 25 mg 1 เม็ด 1 ครั้งก่อนนอน (ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ให้ Risperidone 50mg 1/2 เม็ด ก่อนนอน) - Clonazepam 2mg ครึ่ง - 1 เม็ด 1 ครั้งก่อนนอน - Exelon Patch 5 เปลี่ยนตอนเช้าที่แผ่นหลัง วันละ 1 ครั้ง - โฟลิค - วิตามินบี 1 เริ่มได้รับยาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ค่ะ สิ่งที่จะถามคือ 1. ทำไมตอนเช้าอาการจะดีกว่าช่วงหลังเที่ยงจนกระทั่ง 1 ทุ่ม คือช่วงบ่ายจะเดิน แล้วไปยืนหน้าบ้านนิ่ง ๆ นาน ๆ เมื่อ 4 วันมานี้มีอาการคือลงไปนอนที่พื้น นึกจะนอนตรงไหนก็นอน ยิ่งมีคนมาที่บ้านจะออกไปนอนให้เขาเห็น แต่ก่อนหน้าที่ใช้ Risperidone ไม่มีอาการแบบนี้ 2. หมอแจ้งดิฉันว่าอาการลืมเนื่องจากเส้นเลือดฝอยในสมองตีบนี่ สุดท้ายก็เหมือนอัลไซเมอร์ และที่สังเกตุคืออาการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ตอน กรกฏาคม บอกว่าตัวเองขี้ลืม ชอบถามซ้ำ ๆ เช่น ใส่เสื้อสีนี้ได้ไหม น้ำหมักใช้แล้วตำรวจจับไหม โทรศัพท์ถ้าโทรผิด ตำรวจจับเปล่า เดียวนี้มีอาการตาขวาง เบื่ออาหาร ความดันต่ำ ไม่ค่อยอยากอาบน้ำบอกว่าเย็นง่าย ค่ะ แต่ก่อนทำอาหารได้ เดียวนี้ทำไม่ได้เลย ตื่นมาตอนเช้าบอกงง ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังดีกว่าช่วงบ่าย ๆ 3. ดิฉันยังคิดว่า คุณแม่น่าเป็นอาการสมองเสื่อมเทียมหรือเปล่า เพราะอาจภาวะกดดันอะไรบางอย่างของการดำเนินชีวิตที่เป็นช้างเท้าหลัง ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก ห่างลูกคนที่ท่านรัก หรือ ถูกขัดใจบ่อยครั้ง ซึ่งจากที่ศึกษามาและสังเกตอาการคุณแม่ จะเป็น ๆ หาย ๆ หลายครั้ง แต่ครั้งนี้ดูจะนานกว่าทุกครั้งและอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ค่ะ
|
|
อายุ: 64 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.08 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา |
24 พฤศจิกายน 2559 08:20:23 #2 สวัสดีครับ อาการดังกล่าวที่เป็นบ่อยช่วงบ่ายๆ คืออาการสับสน delirium จะเป็นช่วงบ่ายๆถึงค่ำครับ ส่วน สมองเสื่อมจากการขาดเลือดนั้นจะเป็นขึ้นอย่างรวดเร็วครับ ต่างจากสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ครับ แต่มักพบร่วมกันได้บ่อย ส่วนที่สงสัยว่าเป็นภาวะสมองเสื่อมเทียมหรือเปล่านั้น ตอบยากครับ แต่แพทย์สามารถประเมินอาการได้จากการตรวจครับ ต้องถามแพทย์ที่ตรวจครับ บางรายเป็นทั้ง2 แบบ ต้องรักษาทั้งคู่ครับ รายละเอียดเรื่องสมองเสื่อมนั้นศึกษาจากเว็บไซต์ หาหมอ นี่ได้ครับ โชคดีครับ นพ.สมศักดิ์ |
Kruk*****a |
24 พฤศจิกายน 2559 10:35:48 #3 ขอบคุณค่ะ ดิฉันอยากทราบเพิ่มเติมค่ะว่า IMPRESSION - Multiple hyper-SI T2/FLAIR foci involving subtotal and deep white matter of both fronto-pariental,more pronouce in both inferior frontal lobes,possibly non-specification WM chang - CSF-like SI lesion at right putamen region,possibly old lacunar infarction ถ้าเป็น Dementia แสดงว่าสมองต้องเหี่ยว ฝ่อ ใช่ไหมค่ะ ทุกวันที่ดิฉันตื่นขึ้นมา ได้แต่หวังว่าจะได้ยินว่าแม่ดีขึ้น ทำกิจวัตรอะไรได้ใช้ชีวิตเช่นคนปกติแม้ว่าต้องทานยาตลอดชีวิตก็ตามค่ะ |
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา |
2 ธันวาคม 2559 10:59:47 #4 สวัสดีครับ อาการที่เล่ามานั้นผมยังไม่กล้าสรุปว่ามีภาวะ dementia หรือไม่ครับ แต่ถ้าบอกว่าการตรวจ MMSE ADAS ก็ปกติหมด โอกาสที่จะเป็น dementia ก็น้อยลงครับ ถ้าอาการมีเฉพาะช่วงกลางคืนเป็นหลักก็น่าจะเป็นภาวะ delirium ครับ ลองศึกษาดูครับว่าอาการของคุณแม่เข้าได้กับ dementia หรือ delirium มากกว่ากันจากบทความใน website นี้ครับ ส่วนผลตรวจ MRI mี่ส่งมาให้ดูนั้นก็พบว่ามีสมองส่วนที่ขาดเลือดจุดเล็กๆ ซึ่งก็สามารถพบได้ในวัยขนาดนี้ครับ และก็พบว่ามีหลักฐานเคยเกิดสมองขาดเลือดบริเวณสมองด้านขวา right putamen ครับ ส่วนคำถามเรื่องยา 2 ชนิดนั้นก็เข้าใจถูกต้องแล้วครับ ส่วนใครจะได้ประโยชน์ดีกว่าในการใช้ยาชนิดไหนบอกยากครับ ต้องแล้วแต่บุคคลเลยครับ แต่ถ้าผู้ป่วยมีภาวะโรค พาร์กินสันด้วย ยา quetiapine ก็จะเหมาะสมกว่าครับ ส่วนสมองเหี่ยวกับสมองฝ่อแตกต่างกันครับ เรื่องนี้ก็สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก website เหมือนกันครับ ผมได้เคยนำเสนอแล้ว เพื่อความกระจ่างชัดครับ โชคดีครับและสู้ๆ ผมเชื่อว่าคุณแม่ต้องดีขึ้นแน่ๆเมื่อมีลูกที่ดูแลดีแบบนี้ครับ ให้กำลังใจครับ |
Anonymous |
7 ธันวาคม 2559 07:09:54 #5 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และ กำลังใจค่ะ ดิฉันปฏิญาณตนมาตลอดว่าจะเป็นข้าราชการที่ดี ดิฉันรับราชการ กพ 49 พอ พฤศจิกายน 2549 แม่ก็ป่วยเข้า รพ. และได้รับการรักษาที่คลีนิคจิตเวช รับยาตรวจรักษาต่อเนื่อง เปลี่ยนแพทย์มาแล้ว 3 ท่าน การได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและการได้ดูแลบุพการีด้วยสวัสดิการที่ราชการมอบให้เป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุดค่ะ ดิฉันกลายเป็นคนสนใจในเรื่องโรคทางจิตเวชไปแล้วค่ะ ขอเล่าเรื่องคุณแม่ต่อน่ะค่ะ เผื่อว่าเกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วยรายอื่นค่ะ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ดิฉันไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลก่อนนัด เนื่องจากไม่แน่ใจว่าอาการของคุณแม่ที่ประกอบด้วย - เดินไปเดินมาตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน ไม่สามารถนั่งเฉยได้นาน ๆ จนข้อเท้าบวม คุณหมอปรับเพิ่มยา Quetiapine เป็น 50 mg ทานมื้อเดียวต่อวันก่อนนอนเหมือนเดิม ส่วนตัวอื่นให้เหมือนเดิม สองวันต่อมาคุณแม่ ปัสสาวะราดในบ้าน ส่วนใหญ่มักเป็นช่วงหลังเที่ยงวันละ 2 ครั้ง บางช่วงมีการบอกว่าดิฉันตาย วันหยุด 3-5 ธันวาคมที่ผ่านมา ดิฉันกลับไปดูแลแม่ที่บ้านพอจะกลับมาทำงาน ท่านไม่ยอมให้กลับ ไม่เข้าใจแล้วว่าลูกต้องมาทำงาน เที่ยวหา แล้ววันต่อมาบอกทุกคนที่อยู่บ้านว่าเขาเอาดิฉันไปเผาดิฉันตายแล้ว ยาไม่กิน จนคนดูแลที่บ้านต้องคลุกยาในอาหารเย็นให้กิน แต่การคลุกยาแบบนั้น กว่ายาจะออกฤทธิ์นาน แต่น้องสาวก็สามารถกล่อมให้แม่เข้านอนและหลับได้ ตอนแรกว่าถ้าแม่ไม่หลับอาจต้องพาแม่ไป รพ. ที่สุราษฎร์ธานีแล้วเพราะเท้าบวมมาก แพทย์ประจำตัวของคุณแม่ก็ลาคลอด มีแพทย์อีกท่านนึงท่านก็ไปราชการ สงสารที่ท่านเดินตลอดจนเท้าบวม พอน้องกล่อมให้ท่านหลับได้ปนฤทธิ์ยาเรากะรอดูอาการสักพักคงไม่แย่ไปกว่านี้ นี่คือความหวังของเราทุกคน เพราะแต่ละวันมีความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันออกไป ขอขอบคุณคุณหมอค่ะ ที่ให้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นค่ะ |
Anonymous |
30 มกราคม 2560 08:08:49 #6 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ครอบครัวของดิฉันพาแม่มาหาหมอ เนื่องจากผู้ป่วยมีลักษณะอารมณ์ดีช่วงเช้า แต่ก้าวร้าว ช่วง 10 โมงเป็นต้นไป หรือ ช่วงที่ญาติกระตุ้นให้เข้าห้องน้ำ หรือ พาอาบน้ำ อาการเดินไปเดินมา กับอาการเคี้ยวฟันที่เคยเป็นมาตลอดไม่พบแล้ว สามารถชั่งได้แต่น้ำหนัก ความดันไม่ยอมให้วัด ได้ถามหมอที่รักษา เกี่ยวกับปัสสาวะราด หรือ อาการก้าวร้าวดังกล่าว ได้คำตอบว่าเป็นเพราะผลข้างเคียงของยา จึงได้เพิ่มเฉพาะยา Quetiapine (Seroquel) ดังนั้นยาที่คุณแม่ของดิฉันรับประทานจึงประกอบด้วย เช้า : folic และ วิตามิน B แผ่นแปะหลัง และสิ่งที่พบหลังจากปรับยาคือ คุณแม่มีลักษณะอารมณ์ดี ขี้เล่น ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2560 คุณแม่เริ่มนอนกลางวัน ทานจุมาก ชอบอยู่แต่ในห้อง (ปัสสาวะราดตอนนอน ก่อนหน้านี้จะราดนอกห้อง) ห่มผ้าห่มตอนกลางวันทั้ง ๆ ที่อากาศร้อน พอเรียกให้อาบน้ำ หรือ กระตุ้นให้เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน จะเกรียวกราดมาก จนเมื่อวานคุณพ่อต้องปีนหน้าต่างเข้าไปเพราะแม่ล้อคประตูอยู่ข้างใน แต่ไม่ทราบว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณแม่ไม่น่าจะเป็นสมองเสื่อมรึเปล่า คือ เท่าที่ดิฉันทดสอบในส่วนของความจำ เช่น ถามว่าทานข้าวหรือยังจะบอกว่าทานแล้ว ทานกับอะไรจะตอบได้ / ถ้าเห็นว่าดิฉันเอาขนม รองเท้า เงินไว้ที่ไหนจะหาได้เจอ / จำหน้าคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาได้ /หรือ ฝากให้ถือเงินไปให้พ่อ แล้วบอกว่าค่าอะไรจะทำได้ /สิ่งของ เช่น เสื้อ ผ้าถุงเป็นของใคร ตอบได้ /กลับด้านเสื้อผ้าแล้วบอกให้ใส่ให้ถูก ทำได้ / เอาผ้าขาวม้าฝากให้ถือไปให้พ่อ จะเดินไปบอกพ่อว่า "นี่ห่มซะ ลูกซื้อมาฝาก"/ ถ้ามีคนในบ้านออกนอกบ้าน แล้วบอกไว้ จะตอบได้ว่าเขาไปไหน เช่นไปสวน ไปร้านค้า หรือ บ้านญาติ/สามารถปรบมือตามการสาธิตได้ /ชี้ทิศทางว่าคนในบ้านขับรถไปทางซ้ายหรือขวาได้ถูกต้อง /แต่กิจวัตร เช่น แปรงฟัน อาบน้ำ จะไม่ชอบทำและทำเองไม่ได้ จึงมีคำถามดังนี้ค่ะ 1. อาการเอาแต่นอน ปัสสาวะราด เกรี้ยวกราดเมื่อขัดใจ หรือ ทำกิจกรรมที่ไม่ชอบ ห่มผ้าแม้ว่าอากาศร้อน เป็นผลข้างเคียงของยาที่ทานไปหรือเปล่าค่ะ 2. คุณแม่ของดิฉันไม่เข้าข่ายสมองเสื่อม แต่ อาจมีอาการทางจิตของโรคซึมเศร้า จิตเภท ไบโพลาร์ วิตกกังวลหรือเปล่าค่ะ เนื่องจากสิ่งที่ดิฉันพยายามทดสอบคุณแม่ ก่อนหน้านี้ที่เริ่มได้รับยาใหม่ ๆ จะตอบไม่ได้ เลย แต่เมื่อมองย้อนไป กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ทำ ก่อนรับยาทำได้ทุกอย่างเพียงแต่ทำลวก ๆ ไม่ใส่ใจค่ะ
|
Kruk*****a