หากอาการปวดเกิดจากการใช้งานและเดินมาก ไม่ได้มีอุบัติเหตุใดมาก่อน อาจเกิดจากสาเหตุดังนี้ครับ

1. ปวดกล้ามเนื้อต้นขาจากการใช้งาน(muscle strain) ซึ่งโดยทั่วไป อาการปวดตึงหรือปวดเมื่อยมักจะดีขึ้นและทุเลาลง ในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ อาจใช้วิธีประคบอุ่นร่วมด้วย ครั้งละ 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง จะทำให้อาการปวดตึงทุเลาลงเร็วขึ้น

2. ปวดจากภาวะข้อสะบ้าอักเสบ หรือ patellofemoral arthritis ซึ่งจะมีอาการปวดใต้สะบ้า หรือปวดด้านหน้าข้อเข่า ในช่วงที่ต้องงอเข่า หรือนั่งยอง นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ หรือขึ้นลงบันได

3. ปวดจากหมอนรองกระดูกข้อเข่าบาดเจ็บฉีกขาด ซึ่งมักพบในกรณีที่มีการบาดเจ็บมาก่อน อาจเกิดการบาดเจ็บในช่วงเล่นกีฬาหรือใช้งานผิดท่าทางได้

แนะนำการดูแลรักษาในเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากสาเหตุในข้อ 1 และ 2 ดังนี้ครับ

- หลีกเลี่ยงท่านั่งยอง นั่งขัดสมาธิ หรือพับเพียบ

- ควบคุมน้ำหนักตัว หากมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาและเกิดอาการปวดขัดข้อเข่า ก็แทบจะบอกได้ว่า น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ
- การออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าขา สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้ถุงทราย หรือถุงน้ำหนัก ครึ่งถึงหนึ่งกิโลกรัม ถ่วงที่ข้อเท้า และออกแรงเหยียดเข่าจนสุด(ค้างไว้ 10-20 วินาที) ทำเซทละ 8-15 ครั้ง วันละ 10-20 เซท

- การใช้เครื่องออกกำลังประเภท Air walker หรือ Arc trainer สามารถทำได้เพื่อฝึกกำลังกล้ามเนื้อและลดน้ำหนักไปในตัว

- ใช้การประคบอุ่นตรงบริเวณที่ตึง และประคบน้ำแข็งหากมีอาการข้อเข่าบวม

- พบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง