กระดานสุขภาพ
อยากถ่ายแต่ไม่ถ่าย ไม่สบายรอบรูทวารหนัก ไม่เจ็บปวด มีหนองปนในอุจจาระก้อนแรก มีหนองแห้งรอบทวารหนักทุกเช้า ปัสสาวะยาก แต่ไม่เจ็บแสบ | |
---|---|
13 มีนาคม 2560 04:20:13 #1 สวัสดีครับ ผมอยากจะอธิบายรายละเอียดของอาการก่อนครับ ให้คุณหมอช่วยพิจารณาว่าเป็นยังไงครับ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักไม่สวมถุงยางบ่อยครับ คู่นอนคนเดียวครับ วันที่ 26 ก.พ. มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ไม่สวมถุงยาง วันที่ 1-2 มี.ค. มีเพศสัมพันธ์ ตอนแรกสวมถุงยาง และถอดออก วันที่1-2 นี้ หลังมีเพศสัมพันธ์ ล้างทำความสะอาดปกติ ไม่แสบไม่มีอาการเจ็บท้องหรืออะไรครับ เพราะบางครั้งกลัวว่าอาจถลอกเพราะใส่ถุงยาง แต่ว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แบบรุนแรงตลอดทั้งเดือนครับ แต่มีบ่อยประมาณ 3-4ครั้ง ต่อสัปดาห์ครับ แต่วันนั้นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ มีความรู้สึกไม่ค่อยสบายที่ทวารหนักครับ คืนนั้นเหมือนรู้สึกอยากถ่ายแต่ไม่ถ่ายครับ เลยไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าพึ่งมีเพศสัมพันธ์ วันที่ 3 มี.ค. ไม่มีอาการอะไร จำไม่ได้ว่าถ่ายไปหรือไม่ถ่าย ถ้าถ่ายก็ถ่ายนิดเดียวครับ ตอนกลางคืนก็ไม่ถ่ายครับ ซึ่งเริ่มผิดปกติ เพราะปกติจะ 2 วันถ่าย กินเยอะครับ วันที่ 4 มี.ค. วันนั้นไปสิงคโปร์ เลยเดินทั้งวัน ขยับขามาก ยืนมาก มีอาการ ไม่สบายรูทวารหนักอย่างมากครับ ทุกครั้งที่เดินหรือยืนจะปวดที่ก้นและรูทวารหนัก ต้องหาที่พิง หรือนั่งจะไม่ปวดและไม่สบายครับ คันนิดๆ อาจเพราะอับและเหงื่อครับ ไม่แสบเวลาล้างครับ ตอนกลางคืนอยากถ่ายมาก แต่ไปนั่ง ไม่ถ่ายครับ ต้องเบ่ง ถ่ายอุจจาระ"น้อยมากครับ" มีเมือกสีเขียวอ่อนมากๆปนครับ วันที่ 5 มี.ค. ไม่มีอาการปวดก้นแบบเมื่อวาน เดินยืนสบายขึ้น แต่ยังมีอาการไม่สบายที่รอบๆรูทวารหนักครับ ตอนเช้าพยามถ่ายแต่ไม่ถ่ายครับ จนตอนเที่ยงถ่ายเยอะมาก อุจจาระก้อนแรกต้องเบ่ง มีเมืองปนคล้ายหนองสีเขียว และถ่ายอุจจาระไม่ค่อยอยู่ในสภาพเป็นก้อนปกติครับ ออกจะเละๆบ้าง แต่สีน้ำตาลเข้มปกติ ไม่มีเลือด ไม่แสบเจ็บขณะถ่าย วันที่ 6-8 มี.ค. อาการไม่สบายรอบรูทวารหนักเบาบางมาก ไม่คัน แสบ เจ็บ แต่มีอาการถ่ายยาก ในสามวันนี้ น่าจะถ่ายครั้งเดียว ซึ่งพยามนั่งถ่ายบ่อยมากครั้ง เพราะรุ้สึกว่าตัวเองอยากถ่ายมาก ซึ่งบางครั้งพยามเบ่งแต่ไม่ถ่ายครับ มีอาการไม่สบายรูทวารหนักเวลาเบ่งบ้างครับ แต่ไม่ขนาดเจ็บครับ วันที่ 8-10 ผมทานแต่ผักผลไม้ ของย่อยง่ายทั้งวันเพื่อให้ถ่าย ไม่ได้ทานเนื้อสัตว์ หรือแป้งเลย แล้วผมถ่ายครับ สภาพปกติ ไม่ต้องเบ่ง แต่ ทุกครั้งที่ถ่ายอุจจาระก้อนแรกจะมีหนองสีเขียวปนมากครับ จากนั้นไม่มีปนเลย ไม่มีเลือด ไม่เจ็บไม่แสบเวลาถ่าย ไม่ทรมานกล้ามเนื้อที่ทวารหนักแต่อย่างใดครับ ถ่ายน่าจะสองครั้ง เยอะครับ วันที่ 11 มี.ค. อยากถ่ายแต่ไม่ถ่าย วันนี้เดินเยอะ ตอนกลางคืนมาล้างก้น แสบที่รอบๆทวารหนักครับ เลยดู เหมือนจะแดงๆ ครับ (ตั้งแต่มีอาการ ผมไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลยครับ) ตอนถ่ายต้องพยามเบ่ง แต่ไม่ถ่ายครับ แต่มีอาการใหม่ครับ คือไม่รู้คิดไปเองเปล่า เวลาปัสสาวะ ต้องรอประมาณ3-4วิ ปัสสาวะถึงจะออกมา วันที่ 12 มี.ค. ไม่ถ่ายเลย อยากถ่าย แต่ไม่รู้สึกแน่นปวดท้อง ปัสสาวะต้องยืน 4-5วิ ถึงจะออก ไม่แสบ ไม่ปวด ปัสสาวะคล่องปกติ แต่ต้องยืนรอ วันที่ 13 มี.ค. วันนี้ตื่นมาไม่ค่อยรู้สึกอยากปัสสาวะ แปลกมาก พอไปยืนก้4-5วิครับ ลองนั่งถ่าย ไม่ถ่ายครับ ตอนแรกเดาไปเองว่าอาจเป็น ริดสีดวง ฝีคัณฑสูตร เพราะวันนั้นมีอาการปวด เลยนึกไปเรื่อยว่ามีกล้ามเนื้อผิดปกติ เพราะก็มีเพศสัมพันธ์ทวารหนักมากลายปีแล้วครับ หรือการถลอกแล้วอักเสบและติดเชื้อจึงมีหนองไหลครับ และเป็นหนองในครับ จริงๆผมเคยเป็นหนองในเทียมที่อวัยวะเพศตอนเดือนธันวาครับ ตรวจและกินยารักษาแล้ว ไม่เป็นหนองในแท้ ตอนนี้ผมอยู่ตปท. ครับ แต่ประเทศนี้แพทย์ไม่ค่อยดีครับ ไม่ดีคือ ไม่มี medical ethics ในการรักษาครับ คือถ้าไปอธิบายแบบนี้เขาไม่ใส่ใจครับ เลยคิดว่าอาจจะกลับไทยเพื่อรีบไปตรวจและรักษาดีมั้ยครับ เพราะเกือบสองสัปดาห์แล้วครับ แต่ผมมียากินของหนองในแท้ด้วยซึ่งซื้อไว้ เขาบอกว่ากินรักษาทั้งแท้และเทียม ขอบคุณครับ |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 169ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.11 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
17 มีนาคม 2560 05:11:11 #2 การที่มีการสอดใส่ทางทวารหนักโดยไม่ไดใช้ถุงยางอนามัย ถือว่าเป็นพฤติกรรมเสียงที่จะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ แนะนะตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิสโดยใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ ส่วนอาการที่เล่าน่าจะเป็นอาการของการอักเสบจากการติดเชื้อหนองใน หรือหนองในเทียม หนองใน (แท้) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนอีกสาเหตุที่พบได้คือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค การตรวจธรรมดาอาจตรวจไม่พบ ต้องใช้การเพาะเชื้อ เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่รวมทั้งแฟนประจำด้วยครับ นอกจากนี้ยังพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน นอกจากนี้อาการคันหรือแสบรอบทวารหนัก ก็อาจจะเิกดจากการติดเชื้อที่พบบ่อยคือเริมจากเชื้อไวรัส Herpes simplex ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป แนะนำหาหมอและตรวจเลือด ถ้าอยู่ต่างประเทศ อาจจะลองกินยา แต่กลับมาให้รีบหาหมอครับ |
Anonymous