กระดานสุขภาพ
ปรึกษาอาการข้างเคียงจากยาคุมค่ะ | |
---|---|
9 มิถุนายน 2556 16:02:56 #1 ดิฉันเคยทานยาคุม yasmin แบบ 21 เม็ดอยู่ระยะหนึ่งค่ะ แต่ได้หยุดไป 2 ปีเต็ม โดยระหว่างทานก็ไม่มีปัญหาอะไรจากยาคุมเลยค่ะ และช่วงที่ไม่ได้ทานตลอด 2 ปีก็ไม่มีปัญหาใดๆ เช่นกันค่ะ ตอนนี้ดิฉันเพิ่งจะเริ่มกลับมาทานยาคุมอีก โดยได้ซื้อ Minidoz มา แต่ตอนที่เริ่มทาน ประจำเดือนมาได้ 3 วันแล้ว (ไม่ทันวันแรกของประจำเดือนเพราะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศค่ะ และตอนที่ทานยาสมินและที่เคยอ่านเจอจากอินเทอร์เน็ตก็บอกว่าสามารถเริ่มทานได้ในวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน) ระยะแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่พอทานได้ถึงเม็ดที่ 11 ก็เริ่มมีเลือดออกกระปริบกระปรอย และตอนนี้ทานมาได้ 15 วันแล้วก็ยังคงมีเลือดออกกระปริบกระปรอยอยู่ค่ะ และมีปวดหน่วงๆ ท้องน้อยร่วมด้วยมาได้ 3 วันแล้ว ทั้งที่ทานยาตรงตามเวลาเดิมทุกวันไม่คลาดเคลื่อนเลยค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ Minidoz มีฮอร์โมนต่ำ และร่างกายกำลังปรับตัวเพราะเพิ่งเริ่มทานแผงแรก หรือว่าเป็นเพราะดิฉันไม่ได้ทานตั้งแต่วันแรกที่มีรอบเดือนหรือเปล่า เลยทำให้มีอาการนี้ ดิฉันควรหยุด Minidoz ตอนนี้ หรือควรทานต่อไปจนหมดแผงคะ และแผงต่อไปควรเปลี่ยนยี่ห้อเป็นแบบฮอร์โมนสูงขึ้นมั้ยคะ ถ้าเพิ่มแค่ 20 อย่าง Mercilon จะได้หรือเปล่า หรือควรเพิ่มเป็น 35-35 ดีคะ ดิฉันจะกลับต่างประเทศสิ้นเดือนนี้แล้ว และจะซื้อกลับไปทานต่อที่นู่นระยะยาวด้วยค่ะเลยทำให้ลังเลว่าจะซื้อ Minidoz ไปดี หรือเปลี่ยนยี่ห้อค่ะ ขอบคุณค่ะ |
|
อายุ: 31 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 151ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.93 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
10 มิถุนายน 2556 15:05:19 #2 เรียน คุณ maimai, จากข้อมูลที่คุณให้มานั้น เข้าใจถูกต้องแล้วครับ โดยปกติสามารถเริ่มรับประทานยาได้ภายในไม่เกินวันที่ 5 ของรอบเดือน เพื่อให้ตัวยาสามารถยับยั้งการตกไข่ได้ทันที ส่วนการที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอย มักเกิดจากระดับยาในเลือดไม่สม่ำเสมอ หรือระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยเกินกว่าจะทำให้เยื่อบุผนังมดลูกคงสภาพอยู่ได้ ตัดปัญหาเรื่องการรับประทานยาไม่สม่ำเสมอไป ก็เหลือแต่ว่าระดับฮอร์โมนน้อยเกินไป ซึ่งหากคุณมีเวลาอยู่เมืองไทยนาน ก็อาจแนะนำให้ทดลองต่อไปอีก 1-2 เดือน เนื่องจากเคยรับประทานมาแล้ว ไม่พบปัญหาจากการใช้ยา นอกจากนี้ฮอร์โมนโปรเจสโตเจน (drospirenone) เป็นฮอร์โมนที่ทำให้น้ำหนักขึ้นน้อย หรืออาจไม่ขึ้น และยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวอีกด้วย ขออนุญาตให้ข้อมูลยาไว้เป็นทางเลือกนะครับ (ตัวยาแรกเป็นโปรเจสโตรเจน ตัวยาที่สองเป็นเอสโตรเจน)
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล |
Maim*****i |
10 มิถุนายน 2556 15:43:31 #3 ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ |
Maim*****i