กระดานสุขภาพ

ขอบสอบถามค่ะ
Supa*****5

11 กุมภาพันธ์ 2562 09:04:25 #1

ฉีดยาคุมมา 4 เข็มแล้ว เข็มล่าสุดลืมไม่ได้ไปฉีดเลยจะกินแทนต้องเริ่มกินได้ตอนไหนคะ คือตอนนี้เลยกำหนดฉีดเข็มสุดท้ายมา 2 เดือน เริ่มกินได้เลยรึป่าว

อายุ: 27 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.39 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

17 กุมภาพันธ์ 2562 19:10:52 #2

เรียน คุณ Supattra2535,

ก่อนจะตอบคำถามของคุณ ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดรายเดือนชนิดรับประทาน

ทางการแพทย์จะพิจารณาคัดเลือกยาให้เหมาะสมกับฮอร์โมนเพศ โดยพิจารณาเบื้องต้ันจากรูปร่างและรูปแบบการมีประจำเดือน

- ฮอร์โมนเอสโตรเจนเด่นชัด มักมีรูปร่างอกเอวชัดเจน รูขุมขนค่อนข้างเล็ก ผิวค่อนข้างแห้งหรือผิวผสม ขนสีจางหรือบาง รูปแบบการมีประจำเดือนมีระยะเวลา 28-35 วัน ประจำเดือนมาปริมาณค่อนข้างมาก (อาจต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหลายแผ่นต่อวัน) จำนวนวันประมาณ 5-7 วัน

แพทย์จะพิจารณาเลือกยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนค่อนข้างต่ำ หรือมีฮอร์โมนโปรเจสตินเด่น เพื่อให้เกิดสมดุลของฮอร์โมนเพศ

- ฮอร์โมนโปรเจสตินเด่นชัด มักมีรูปร่างค่อนข้างตรง รูขุมขนค่อนข้างกว้าง ผิวค่อนข้างมัน เป็ฯสิวง่าย ขนดกหรือหนา รูปแบบการมีประจำเดือนมีระยะเวลาเกินกว่า 35 วัน ประจำเดือนมาปริมาณไม่มาก จำนวนวันค่อนข้างน้อย 3-5 วัน
แพทย์พิจารณาเลือกยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนเด่นชัด หรือโปรเจสตินปริมาณน้อย เพื่อให้ฮอร์โมนเพศเกิดความสมดุล

การรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง

1. รับประทานยาสม่ำเสมอในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน เวลาไม่ควรคลาดเคลื่อนเกิน +/- 1 ชั่วโมง เพื่อให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอตลอดวัน และป้องกันการลืมรับประทานยา ควรเลือกเวลาก่อนเข้านอน เนื่องจากเป็นเวลาที่ท้องค่อนข้างว่าง และช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ฯ

2. รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดอาจทำให้ตัวยามีการละลายลดลง เกิดการตกตะกอนในทางเดินอาหาร ร่างกายไม่สามารถดูดซึมตัวยาได้ เช่น ชา (ชาขาว ชาเขียว ชาแดง) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ต) น้ำเต้าหู้ โซดา น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯ หรือน้ำผลไม้บางชนิด จะกระตุั้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการเผาผลาญหรือกำจัดยา ผลิตเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้ในการกำจัดยาเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงกำจัดตัวยาได้มากและเร็วขึ้น เช่นน้ำเกรปฟรุต (ผลไม้จำพวกเดียวกับส้มโอ) น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น

3. เมื่อต้องรับบริการทางการแพทย์ หรือซื้อยา / ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ มาใช้ ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งว่ากำลังรับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา "ยาตีกัน" จนทำให้เสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์หรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

กลับมาที่คำถามของคุณ การเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดแผงแรก ให้รับประทานยาในวันแรกที่มีประจำเดือน (หรือช้าสุดไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน) เพื่อให้ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ในการยับยั้งไม่ให้ไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาครบ 24 ชั่วโมง จากนั้นรับประทานยาอย่างต่อเนื่องไปจนครบ 21 วันหรือ 28 วัน แล้วแต่ประเภทของยาคุมกำเนิด
หากเป็นยาคุมกำเนิดชนิด 21 วัน เมื่อรับประทานยาครบแล้ว ก็ให้เว้นยา 7 วัน ก่อนเริ่มแผงใหม่ โดยไม่ต้องกังวลว่าประจำเดือนจะหมดแล้วหรือไม่ เช่น เมื่อรับประทานยาเม็ดสุดท้ายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เว้นยา 7 วัน ดังนั้นแผงใหม่จึงเริ่มวันที่ 8 มีนาคม 2562

ส่วนหากเป็น ชนิด 21+7 เม็ด 7 เม็ดจะเป็นวิตามิน รับประทานยาอย่างต่อเนื่องไปจนครบ 28 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่ต่อได้ทันที

หรือหากเป็นชนิดอื่น ๆ เช่น 24+4 เม็ด หรือแบบ 7+7+7+7 เม็ด ให้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากแพทย์หรือเภสัชกรผู้จ่ายยาได้

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรประจำสถานพยาบาลได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจต้องมีการสอบถามข้อมูลจำเป็นอื่น ๆเพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจตอบคำถาม หรือในบางครั้งอาจช้าเกินไป ไม่ทันเวลา เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้


เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์
  • ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
  • ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม