กระดานสุขภาพ
ต้องเริ่มทานยาคุมเม็ดแรกของแผงที่2เมื่อไหร่ | |
---|---|
30 กันยายน 2561 15:18:46 #1 สวัสดีค่ะ ดิฉันเริ่มทานยาคุมชนิด21เม็ด ทานเม็ดแรกในวันที่ 10 ก.ย. 61 และเม็ดสุดท้าย วันที่30 ก.ย.61 หลังจากที่ต้องหยุดยาไปอีก7วัน ดิฉันจะต้องเริ่มทานเม็ดแรกของแผงที่2 วันที่ 7ตุลาคม หรือ 8 ตุลาคม คะ |
|
อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.58 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
4 ตุลาคม 2561 17:33:21 #2 เรียน คุณ 363e0, ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด เมื่อรับประทานยาเม็ดสุดท้ายหมด ก็ให้นับวันที่ไม่ได้รับประทานยาไปจนครบ 7 วัน แล้ว วันที่ 8 ของการเว้นยา จึงเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ ในกรณีของคุณ รับประทานยาเม็ดสุดท้ายหมดวันที่ 30 กันยายน งดรับประทานยา 7 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 1-7 ตุลาคม ดังนั้นให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่ในคืนวันที่ 8 ตุลาคม จึงจะถูกต้องครับ หากยังคงไม่ชัดเจน มีข้อแนะนำ 2 แบบ คือ อาจเลือกซื้อยาคุมกำเนิดยี่ห้อเดียวกันแต่เป็นชนิด 28 เม็ด ก็จะมีเม็ดแป้ง/วิตามิน ให้รับประทานต่ออีก 7 วัน เมื่อรับประทานยาหมด 28 เม็ดแล้ว จึงเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ต่อไป หรืออาจใช้วิธีกากะบาทบนปฏิทิน ครบ 7 วัน ก็ให้เริ่มรับประทานยาในวันถัดไป ขอแนะนำเพิ่มเติม วิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง คือ 1. รับประทานยาในเวลาก่อนเข้านอน เพื่อให้เป็นช่วงเวลาที่ท้องว่าง ไม่มีอาหารมารบกวนการดูดซึมตัวยา และ ลดอาการไม่พึงประสงค์จากการรับประทานยา เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน 2. รับประทานยาสม่ำเสมอ เวลาคลาดเคลื่อนไม่ควรเกิน +/- 1 ชั่วโมง เพื่อให้ระดับค่อนข้างคงที่ตลอดวัน ป้องกันการลืมรับประทานยา และภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอยจากระดับยาสูงบ้างต่ำบ้าง 3. รับประทานยา "ทุกชนิด" ควรรับประทานยาด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิด จะทำให้ตัวยาตกตะกอน การดูดซึมยาลดน้อยลง เช่น ชา (ชาเขียว ชาเขียว ชาแดง) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ตพร้อมดื่ม) น้ำนมถั่วเหลือง โซดา น้ำอัดลม ฯ หรือน้ำผลไม้บางชนิด จะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการเผาผลาญหรือกำจัดตัวยาส่วนใหญ่ มีการสร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้กำจัดยาเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงสามารถกำจัดตัวยาได้มากหรือเร็วขึ้น เช่น น้ำเกรปฟรุต (จำพวกเดียวกับส้มโอ) น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น 4. เมื่อไปติดต่อรับบริการทางการแพทย์จากแพทย์ ทันตแพทย์ หรือเภสัชกร ให้แจ้งทุกครั้งว่ากำลังใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ เพื่อป้องกันการได้รับยาซ้ำซ้อน หรือยาที่เกิดอันตรกิริยา "ยาตีกัน" จนเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือยาที่ใช้ในการรักษาไม่ได้ผล
|
Anonymous