เรียน คุณ 6dfc4,

คำถามสั้น ๆแต่ตอบได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่มีข้อมูลส่วนบุคคล ขอแนะนำเบื้องต้น และนำยาไปปรึกษาเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน เนื่องจากต้องมีการสอบถามประวัติการใช้ยา

ข้อมูลและรูปแบบการมีประจำเดือนก่อนหน้าที่จะมารับประทานยาคุมกำเนิดนี้

การคัดเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมนั้น ในเบื้องต้นแพทย์จะพิจารณาจากรูปร่างลักษณะภายนอก รวมถึงรูปแบบการมีประจำเดือน โรคอื่น ๆที่มีร่วมด้วย หรือประวัติการใช้ยาอื่น ๆ และค่าการทำงานของตับหรือไต จะเลือกยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเด่นชัด

• - ผู้ใช้ยาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเด่นชัด มักมีลักษณะเป็นผู้หญิงเด่นชัด มีอกเอวชัดเจน ผิวค่อนข้างแห้ง รูขุมขนค่อนข้างเล็ก เส้นผมหรือขนบาง หรือสีจาง รูปแบบการมีประจำเดือนมักมาปริมาณมาก (อาจต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหลายแผ่นต่อวัน) หรือมาจำนวนวันมาก (เช่น 5-7 วัน) รอบประจำเดือนประมาณ 28-30 วัน แบบนี้เหมาะกับยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนโปรเจสตินเด่นชัด หรือเลือกยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนน้อย (15-20 ไมโครกรัม) เพื่อให้เกิดความสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกาย
• - ผู้ใช้ยาที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินเด่นชัด มักมีลักษณะรูปร่างค่อนข้างตรง อกเอวไม่ชัดเจน ผิวค่อนข้างมัน หน้ามัน เป็นสิวง่าย ขนดก รูปแบบการมีประจำเดือนมักมาปริมาณไม่มาก หรือ จำนวนวันที่มีประจำเดือนค่อนข้างน้อย 3-5 วัน รอบประจำเดือนมักนานกว่า 35 วัน แบบนี้เหมาะกับยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนเด่นชัด หรือฮอร์โมนโปรเจสตินที่ต้านฤทธิ์กับฮอร์โมนเพศชาย เพื่อปรับสมดุลให้กับฮอร์โมนเพศของร่างกาย
• กลับมาที่คำถามของคุณ ลองพิจารณารูปแบบการมีประจำเดือนว่าเป็นแบบใด หากมีเลือดกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน อาจเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำเกินไป หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาคุมกำเนิดกับยาอื่น หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่น ๆ จนทำให้ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลง
• ขอแนะนำเพิ่มเติม การรับประทานยาคุมกำเนิดนั้น เพื่อให้การออกฤทธิ์ได้สม่ำเสมอตลอดวัน ควรที่จะ
• - รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกคืน เพื่อให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอตลอดวัน และป้องกันการลืมรับประทานยา
• - รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มอื่นใด อาจส่งผลให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (ชาเขียว ชาขาว ชาแดง ชานม) กาแฟ โกโก้ นม น้ำเต้าหู้ (รวมถึงโยเกิร์ด) โซดา น้ำอัดลม เป็นต้น หรือน้ำผลไม้บางชนิด หากดื่มเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง หรือดื่มปริมาณมาก ๆ จะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งกำจัดยา สร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้ในการเผาผลาญ กำจัดยาเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงกำจัดยาได้มากหรือเร็วขึ้น จนระดับยาในเลือดลดต่ำลง เช่น น้ำเกรปฟรุต (จำพวกเดียวกับส้มโอ) น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น
• - "ก่อน" ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (ตัวอย่างรายการยาที่พบได้บ่อย ๆในบทความต่อท้าย) จนเสี่ยองต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ได้ัรับผลจากการรักษา

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไปไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

• ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
• แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
• สูตินรีแพทย์
• ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
• ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม