กระดานสุขภาพ
เลือดหลังจากกินยาคุมฉุกเฉิน | |
---|---|
17 มีนาคม 2561 14:12:30 #1 อยากทราบว่าหลังจากกินยาคุมฉุกเฉินประมาณ 3-4 วัน มีเลือดออกจะเกี่ยวกับท้องไหมครับหรือว่าเป็นผลข้างเคียงจากยา |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 151ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.81 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
18 มีนาคม 2561 16:19:51 #2
ก่อนตอบคำถามของคุณ ขอให้ข้อมูลการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก่อน ว่าในทางการแพทย์นั้นจะใช้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถวางแผนการคุมกำเนิดได้ตามปกติ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเกิดความผิดพลาดในการใช้ถุงยางอนามัย มีการฉีกขาด รั่วซึม (ซึ่งพบได้น้อยมาก ๆ หากมีการใช้อย่างถูกต้อง) ไม่นิยมนำมาใช้แทนการคุมกำเนิดทั่วไป เนื่องจากมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง คือ 8-15 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติหรือการสวมถุงยางอนามัยที่มีความเสี่ยง น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์) และมีปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูง คือ 1,500 ไม่โครกรัม (เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติที่มีเพียง 50-75 ไมโครกรัม) กลไกการออกฤทธิ์
การรับประทานยาที่ถูกต้อง สามารถเลือกได้ 2 แบบ แต่ควรรับประทานยาให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือช้าสุดไม่ควรเกิน 48 ชั่วโมง 1. รับประทานยา 1 เม็ดทันที จากนั้นอีก 12 ชั่วโมงให้รับประทานยาเม็ดที่สอง ข้อดี คือ อาการไม่พึงประสงค์ด้านอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืดจะน้อยกว่าวิธีที่สอง และหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำก่อนการรับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่มอีก ข้อเสีย คือ มักรับประทานยาล่าช้ากว่าที่แนะนำ หรืออาจลืมรับประทานยาเม็ดที่สองไป ทำให้เพิ่มความเส่ี่ยงในการตั้งครรภ์ 2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ข้อดี คือ ระดับยาในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องกังวลว่าจะรับประทานยาเม็ดที่สองล่าช้า หรือลืมรับประทานยา ข้อเสีย คือ เนื่องจากระดับยาสูงขึ้นทันที อาจพบอาการไม่พึงประสงค์ด้าน เวียนศีรษะ มีนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนสูงกว่าวิธีแรก และหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกหลังจากรับประทานยาไปแล้ว ต้องใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยแทน ไม่แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำอีก อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย : เวียนศีรษะ มึนงง คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด ประจำเดือนผิดปกติ เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน ข้อควรระวังพิเศษ : ไม่ควรใช้เกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากการตกเลือดในช่องท้อง สาเหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ การเลือกสวมถุงยางอนามัยจะดีกับทั้งสองฝ่ายนะครับ เพราะนอกจากจะช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิด บี/ซี หรือหากโชคร้ายสุด คือไวรัส เอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV : human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือในเพศชายจะกระตุ้นให้เกิดหูดหงอนไก่ หรือมะเร็งองคชาติได้อีกด้วย กลับมาที่คำถามของคุณ จากการออกฤทธิ์ของตัวยา จะทำให้เกิดเลือดคล้ายประจำเดือนออกมาจากช่องคลอดหลังจากหยุดรับประทานยา 5-7 วัน ส่วนประจำเดือนมักมาล่าช้ากว่ากำหนด 7-10 วัน แต่หากเกินกำหนดไปแล้ว 3 สัปดาห์ ประจำเดือนยังคงไม่มาตามปกติ แนะนำให้ใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อดูว่าเกิดการตั้งครรภ์หรือไม่ หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที "ก่อน" การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอืนใด ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาจนเสี่ยงต่อการเสี่ยชีวิตได้ เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดีๆ จากกองบรรณาธิการของเราที่
|
Taem*****n