เรียน คุณ b98da,

แนะนำให้รับประทานยาต่อจนครบนะครับ เพื่อให้ร่างกายได้มีการปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ เลือดที่ไหลเปรอะนั้น เป็นเพียงเยื่อบุโพรงมดลูกที่มีการฉีกขาดส่วนของตัวยานั้น จะปรับฮอร์โมนโปรเจสตินให้คล้ายกับช่วง 10 วันหลังของรอบประจำเดือน

รอบประจำเดือนปกตินั้น ช่วง 14 วันแรก จะเป็นช่วงที่มีไข่ตก ร่างกายจะมีการทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น (รวมถึงเต้านมคัด ร่างกายมีการบวมน้ำ จากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน) เมื่อผ่านช่วงนี้ไปแล้ว รังไข่จะผลิตฮอร์โมนโปรเจสติน เพื่อให้เยื่อบุโพรงมดลูกคงตัวอยู่ เพื่อรองรับการมาฝังตัวของตัวอ่อน (หากมีเพศสัมพันธ์ และไข่มีการผสมกับตัวอสุจิ) แต่เมื่อไม่มีการฝังตัวของตัวอ่อน รังไข่ก็จะลดการสร้างฮอร์โมนโปรเจสตินลง ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนออกฤทธิ์เด่นขึ้น ซึงจะทำให้กล้ามเนื้อมดลูกมีการบีบตัว เยื่อบุโพรงมดลูกมีการฉีกขาดและหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน

ส่วนของยาที่คุณหมอสั่งจ่ายให้นั้น เป็นฮอร์โมนโปรเจสติน ซึ่งจะเลียนแบบช่วงหลังของรอบเดือน เมื่อมีการหนาตัว จากนั้น เมื่อรับประทานยาจนครบ 10 วัน เยื่อบุโพรงมดลูกที่มีการหนาตัวจากยา Pro... เมื่อยาครบกำหนดแล้วจึงจะมีฉีกขาดหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน ส่วนที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยนั้น น่าจะเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศของคุณมากกว่า

ดังนั้นจึงควรรับประทานยาให้ครบตามกำหนด เพื่อปรับฮอร์โมนเพศให้สมดุล
หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกลับ้าน ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ประจำเดือน (Menstruation)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์

ประจำเดือนผิดปกติ (Menstrual disorder)

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
สูตินรีแพทย์

เมดรอกซีโปรเจสเตอโรน (Medroxyprogesterone)

เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร