เรียน คุณ yuriko99,

ขอแยกตอบเป็น 2 ประเด็นนะครับ

1. อาการปวดท้องนั้น มีสาเหตุจากแผลในทางเดินอาหารหรือไม่ หรือว่าเกิดจากสาเหตุอื่น หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา ก็ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ ทั้งนี้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วย เช่น

- ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา เนื่องจากในร่างกายคนเรามีนาฬิกาชีวิต จะบอกให้ร่างกายทราบว่าแต่ละช่วงเวลา ควรจะกิน นอน หรือเข้าห้องน้ำ เมื่อรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา แต่มีน้ำย่อยออกมา ย่อมจะย่อยเนื้อเยื่อ ของทางเดินอาหารแทน

- งดอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ไขมันสูง รวมถึงงดเครื่องดื่มจำพวกชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะยิ่งทำลายเยื่อบุทางเดินอาหารให้มีความบางลง เสี่ยงต่อการเกิดแผล หรือเกิดเลือดออกในทางเดินอาหารได้

- ไม่ควรซื้อยาบรรเทาปวดมารับประทานเอง เนื่องจากยาบางรายการมีฤทธิ์ระคายเคืองทางเดินอาหาร ทั้งยังทำให้เมือกที่ปกคลุมทางเดินอาหารบางลง เสี่ยงต่อการเกิดระคายเคืองจนเกิดแผลในทางเดินอาหารได้

2. หากรับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

แต่หากจำเป็นต้องใช้ยา ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 8-12 สัปดาห์ หรือภายใต้การดูแลของแพทย์ ร่วมกับการปรับพฤติกรรมสุขภาพด้วย จะได้ผลในการรักษาที่ดี และไม่ต้องใช้ยานานเกินความจำเป็น

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ปวดท้อง (Abdominal pain)

กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์

วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์

ยาโอเมพราโซล (Omeprazole)

เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร