กระดานสุขภาพ
รบกวนช่วยตอบหน่อยค่ะ | |
---|---|
20 มีนาคม 2559 06:40:44 #1 พอดีทานยาคุมฉุกเฉินไป 10วันแล้ว ประจำเดือนยังไม่มา ควรซื้อยาปรับฮอล์โมนมาทานไหมค่ะ ถ้าทานควรเป็นยาตัวไหน |
|
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 171ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.44 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
21 มีนาคม 2559 05:04:26 #2 เรียน คุณ thaninton โดยทั่วไปทางการแพทย์ จะใช้ยาคุมฉุกเฉินเมื่อไม่สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดปกติได้ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือ ถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม (ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก หากเลือกใช้ขนาดถูกต้อง เก็บรักษาอย่างดี (ไม่ใกล้ที่ร้อนหรือเก็บไว้นานเกิน) เปิดใช้อย่างถูกต้อง (ฉีกตามรอยปรุที่มีไว้ ไม่ใช้มีดหรือของมีคม (ฟันกัด)) สวมใส่ขณะอวัยวะเพศแข็งตัว และใช้กระดาษทิชชูพันรอบโคน พร้อมกับถอดออกขณะอวัยวะเพศยังไม่อ่อนตัวลง) ไม่แนะนำให้ใช้แทนการรับประทานยาคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูงกว่าแบบปกติ คือ 8-15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปกติ น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ และยังมีปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูง คือ 1500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ คือ 50-75 ไมโครกรัม - การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอาจปฏิบัติได้ 2 แบบ แต่ต้องรับประทานยาภายใน 48-72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งทิ้งไว้นาน โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น 1. รับประทานยาเม็ดแรกภายในเวลาที่กำหนด จากนั้นอีก 12 ชั่วโมง จึงรับประทานยาเม็ดที่สอง ข้อเสีย คือ มักจะลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ง่าย 2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที ภายในเวลา 72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ข้อดี คือ ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานยา ข้อเสีย คืออาการคลื่นไส้ อาเจียนค่อนข้างสูงกว่าวิธีแรก และหากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีก ต้องใช้วิธีอื่นในการคุมกำเนิด เช่นการสวมถุงยางอนามัยเสริม อาการไม่พึงประสงค์ - คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด แน่นท้อง ประจำเดือนมาผิดปกติ (มาช้า หรือไม่มา) ข้อควรระวัง - จากข้อมูลของบริษัทยา ห้ามรับประทานยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก จนเสี่ยงต่อการตกเลือดในช่องท้องจนเสียชีวิตได้ แต่จากข้อมูลการศึกษาย้อนหลังพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกินกว่า 3 ครั้งตลอดชีวิต จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงมากกว่าสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมฉุกเฉินมาก่อน เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ เป็นต้น หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน และยังไม่ต้องการรับประทานยาคุมกำเนิด แนะนำวิธีการสวมถุงยางอนามัย ซึ่งนอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด เริม ไวรัสตับอักเสบชนิดบี/ซี หรือโชคร้ายสุด คือไวรัส เอชไอวี ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด และยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายด้วย กลับมาที่คำถามของคุณ หลังจากรับประทานยาประมาณ 5-7 วันจะมีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือนตามปกติ ซึ่งโดยทั่วไปเลือดประจำเดือนจะมาช้ากว่าปกติ ประมาณ 7-10 วัน แต่หากเกินจากกำหนดเดิม 2 สัปดาห์ แนะนำให้ซื้อชุดอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจเบื้องต้นก่อนปรึกษาแพทย์ต่อไป เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraceptive pill) รศ.ดร.นพ.บัณฑิต ชุมวรฐายี ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
Than*****n